แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ สัตว์แปลก แสดงบทความทั้งหมด

27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ

27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ


วันนี้ teen.mthai จะชวนเพื่อนๆ ไปอ่านเรื่องราวชวนขนลุกขนพอง สร้างความตื่นเต้นกันซะหน่อย กับ 27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ โดย ที่นำมานี้เป็น ตำนาน – เรื่องเล่าที่ถูกเล่าขาน ถ่ายทอดต่อกันมาหลานต่อหลายทศวรรษ บางเรื่องอาจจะเป็นสิ่งที่แปลก ชวนสงสัย บางเรื่องอาจจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงเรื่องราวที่เล่าต่อกันมาเท่านั้นก็ได้ และบางเรื่องก็เคยนำมาสร้างภาพยนตร์เป็นที่โด่งดังอีกด้วย ลองไปอ่านกันดูนะคะ ชอบเรื่องไหนกันบ้าง? (เนื้อหาเยอะนะคะ ^^)
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai

27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ

1. Freddy Krueger
  • เฟรดดี้ ครูเกอร์ เป็นสัตว์ประหลาดสมมุติที่ปรากฏตัวในภาพยนตร์สยองขวัญครั้งแรกในชื่อนิ้ว เขมือบ A Nightmare on Elm Street (1984)
  • โดยรูปร่างของมันเป็นปีศาจ ที่ร่ายกายที่เห็นเนื้อหนังไหม้ไฟ ใส่ชุดสีแดงลายทางสีดำ ใส่หมวกเหมือนขอทาน มาพร้อมกับกรงเล็บเหล็กยาวแหลมเหมือนใบมีดโกนที่นิ้ว มีนิสัยอารมณ์ขันอยู่ตลอดเวลา และเกลียดที่จะเห็นคนอื่นมีความสุข โดยมันมีความสามารถพิเศษคือมันสามารถเข้าไปในความฝันของคนอื่นได้ และมันจะหลอกหลอนหรือฆ่าเจ้าของฝันจนตาย หากเจ้าของความฝันหนีมันไม่พ้นจะไม่มีโอกาสตื่นในโลกแห่งความจริงอีกเลย โดยวิธีป้องกันมีทางเดียวเท่านั้นคือการถ่างตาไม่ให้นอนหลับ
  • เฟรดดี้มีประวัติไม่แน่นอนเพราะเปลี่ยนไปเรื่อย แต่สิ่งที่เหมือนกันคือเขาตายเพราะถูกเผาทั้งเป็น และเฟรดดี้ได้กลายเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์ตลอดกาลในจิตใจของคนอเมริกันและคน ทั่วโลกติดอันดับต้นๆ และภาพยนตร์ที่มีเฟรดดี้ปรากฏก็มีมากมายหลายภาค จนมันได้กลายเป็น “แฟรนไชส์” ที่ฮิตติดอันดับเรื่อยมา
  • เฟรดดี้เป็นผลงานของ เวส คราเวน(Wes Craven) โดยแรงบันดาลใจของเขานั้นคือเขาไปเจอบทความหนึ่งเกี่ยวกับโรคชนิดหนึ่งที่ เกิดขึ้นในแถบบ้านเรานั่นก็คือ “โรคไหลตาย” ซึ่ง มันเป็นโรคลึกลับชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้นที่คนถึงแก่ความตายอย่างปัจจุบันทันด่วน คือก่อนเข้านอนปกติ พอเช้ากลับพบว่าเสียชีวิตโดยไม่ลืมตาตื่นดูโลกอีกเลย โรคนี้เป็นที่ฮือฮามาก ในอเมริการู้จักโรคนี้เมื่อทศวรรษที่ 1970 ในกลุ่มอพยพชาวกัมพูชาที่ลี้ภัยมายังประเทศสหรัฐเป็นจำนวนมาก และหนังสือพิมพ์ยุคนั้นได้ตีข่าวว่ากลุ่มชาวอพยพกัมพูชาปฏิเสธในการนอนหลับ เพราะไม่อยากเจอฝันร้ายที่เกิดจากประสบการณ์เขมรแดงเรืองอำนาจหลอกหลอน ไม่เพียงเท่านั้นหลายคนที่นอนหลับได้เสียชีวิตระหว่างนิทรา ซึ่งในขณะนั้นเจ้าหน้าที่การแพทย์ไม่เคยเจออาการชนิดนี้มาก่อน โดยสาเหตุของอาการนิดนี้ไม่แน่ชัดว่าเกิดมาจากสาเหตุใดกันแน่ ทั้งๆ คนที่เกิดอาการยังเป็นคนหนุ่ม(อายุระหว่าง 19-57 ปี) ร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วยใดๆ มาก่อน
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
2. Vampires
  • แวม ไพร์ เป็นผีดิบ ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์ทั่วไป แต่มีฟันแหลมคม ดื่มเลือดของมนุษย์เพื่อความเป็นอมตะ จะปรากฏตัวได้แต่เฉพาะเวลากลางคืน เพราะกลางวันแพ้และกลัวกระเทียม
  • เรื่อง ราวของแวมไพร์ มีมากมาย ที่เป็นนิทานพื้นบ้านและวรรณกรรม และมีนอกจากนี้ยังมีกรณีที่เกิดขึ้นจริงอีกด้วย โดยกรณีที่โด่งดังคือกรณีของชายที่ชื่อ อา ร์โนลด์ โพส(Arnold Paole) หนุ่มร่างกำยำล่ำสันซึ่งเป็นทหารที่เข้าประจำหมู่บ้านที่หลายคนเชื่อว่าเขา เป็นแวมไพร์ โดยเรื่องราวเกิดขึ้นที่หมู่บ้านเมดูเอ็นยาหมู่บ้านแถบกอสโซวา (เตอร์กิชเซอร์เบีย) โดยตำนานเล่าว่า เขาถูกทำร้ายโดยผีดูดเลือดระหว่างทาง เมื่อ อาร์โนลด์ถูกผีดูดเลือดกัดคอหอยจนบาดเจ็บ เขารู้สึกเจ็บแค้นผีดูดเลือดตัวนั้น จึงหาวิธีกำจัด โดยเดินทางยังสุสานที่ฝังศพผีดูดเลือดและทำพิธีแก้อาถรรพณ์ โดยขุดศพผีดูดเลือดขึ้นมา เจาะเลือดของมันชโลมกาย และกินดินหลุมศพของมันเข้าไปแต่ผลสุดท้ายนายอาร์โนลด์ก็ไม่พ้นความตายได้ เมื่อวันหนึ่งเขาได้ขับเกวียนเข้าไปในไร่ แล้วเกิดอุบัติเหตุพลัดตกจากเกวียน ศีรษะพาดพื้นอย่างแรงตายคา เขาตายเมื่อปี 1726
  • หลังจากอาร์โนลด์ตายแล้ว ก็เกิดเหตุการณ์สยองขวัญเกิดขึ้นในหมู่บ้าน เมื่อ มีผู้พบเห็นนายอาร์โนลด์ออกมาตะเวนไปตามที่ต่างๆ ด้วยร่างกายแข็งทื่อ เขียวคล้ำทั้งตัว ชาวบ้านต่างหวาดผวา อาร์โนลด์ผีดูดเลือดที่ออกจากหลุม ตระเวรหาเหยื่อไปเรื่อย ผลคือทำให้ชาวบ้านเคราะห์ร้ายต้องเอาชีวิตสังเวยอย่างน้อย 16 คนในหมู่บ้าน จนชาวบ้านทนไม่ไหวจึงรวมตัวเป็นกลุ่มใหญ่ แล้วยกโขยงไปในสุสานประจำหมู่บ้านจัดแจงขุดศพอาร์โนลด์เพื่อขึ้นมาพิสูจน์ ความจริงครั้นแล้วทุกคนต้องผงะ และตกใจกลัวกับภาพทีอยู่ตรงหน้าเมื่อซากศพอาร์โนลด์ยังเปล่งปลั่งด้วยเลือด ฝาด ที่มุมปากมีเขี้ยวยาวแหลมคมงอกออกมาด้วย และมีเลือดที่ปาก ไหลเป็นทางยาวและเมื่อแสงแดดจัดจ้าส่องเข้ามาในโลงศพ อาร์โนลด์เบิกตากว้างรีบพลิกตัวหลบแดดทันที ชาวบ้านก็ไม่รอช้า ต่างเฮโลขุดศพผู้ตกเป็นเหยื่อผีดูดเลือดอีกสี่ศพมาด้วยแล้วช่วยกันเอาไม้ เสี้ยนปักอก ใช้ค้อนตอกจนมิด เลือดสดๆ ทะลึกออกมากลิ่นเหม็นคาวคลุ้งไปทั่ว ผีดิบทั้งห้าบิดกายอย่างเจ็บปวด ส่งเสียงอืออาในลำคอก่อนที่สงบนิ่งไปเมื่อผีดูดเลือดสงบ ชาวบ้านก็ตัดหัวเอากระเทียมยัดปาก และเผาศพจนมอดไหม้เป็นขี้เถ้าแต่เรื่องนี้ยังไม่จบ อีกหกปีต่อมาหมู่บ้านเมดูเอ็นยาก็ประสบกับเหตุการณ์สยดสยองอีกครั้ง เมื่อมีชาวบ้าน 13 คนตายในระหว่าง 6 สัปดาห์ โดยปราศจากสาเหตุ เมื่อทางการทราบข่าวจึงส่งเจ้าหน้าที่ไปสำรวจข้อเท็จจริงเหล่านี้ร่วมกับชาว บ้านผลสรุปว่า ผีดูดเลือดอาร์โนลด์นอกเหนือจากล่าคนแล้วยังจับสัตว์มาดูดเลือดอีกด้วย และทิ้งซากเอาไว้ และเมื่อชาวบ้านพบซากสัตว์ดังกล่าวจึงนำไปทำอาหาร และได้รับเชื้อมาโดยไม่รู้ตัว จนกลายเป็นผีดูดเลือด แพร่เชื้อออกไปเรื่อยๆ อย่างไม่รู้จบนั่นเอง
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
3. Werewolf
  • ผู้คนส่วนมากมักกลัวมนุษย์หมาป่า พอๆ กับแวมไพร์ เพราะพวกมันมีพฤติกรรมคล้ายกัน คือ ดื่มกินเลือดและเนื้อของมนุษย์เป็นอาหาร โดยที่เชื่อว่า บุคคลที่เป็นมนุษย์หมาป่าจะกลายร่างเป็นหมาป่าในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง พร้อมเขี้ยวยาวน่ากลัว และสามารถกลับเป็นมนุษย์อีกครั้งเมื่อพระจันทร์ลาลับ เรื่องราวของมนุษย์หมาป่าถูกเล่ามาช้านานแล้ว  ในสมัยโบราณมีหลายรายถูกประหารชีวิตเพราะเชื่อว่าเขาเป็นมนุษย์หมาป่า หนึ่งในนั้นคือกรณีของปีเตอร์ สตัมป์(Peter Stumpp) ฆาตกรต่อเนื่อง 18 ศพจากโคโลญ ประเทศเยอรมัน
  • เมื่อปี 1589 เขาเล่าให้ศาลฟังว่าเขามีเข็มขัดวิเศษทำให้เขาสามารถกลายเป็นมนุษย์หมาป่า ได้ อย่างไรก็ตามไม่มีใครเคยเห็นเข็มขัดของเขา ส่วนปีเตอร์ถูกทรมานและถูกประหายโดยการใช้ล้อทับตายในที่สุด แต่กรณีที่โด่งดังและโหดที่สุดเป็นของการ์นิเย่(Garnier Gilles) เด็กหนุ่มแห่งหมู่บ้าน St. Bonnot ฝรั่งเศส ซึ่งเป็นฆาตกรต่อเนื่องกินเนื้อคน ที่เขามีปัญหาเรื่องอาหารการกิน และในเวลานั้น จู่ๆ ก็มีเด็กหลายรายหายไป หรือบางรายก็รอดมาได้ และให้การว่า ถูกโจมตีโดยมนุษย์หมาป่า จนกระทั้งเย็นวันหนึ่งกลุ่มคนงานที่กลับจากเดินทางจากเมืองใกล้เคียงได้พบ กับการ์นิเย่กำลังสวาปามร่างเด็กที่ตายแล้ว ส่งผลทำให้เขาถูกจับกุมตัวในที่สุด ในเขาได้สารภาพในชั้นศาลว่าเขา ตัวเองนี่แหละที่เป็นมนุษย์หมาป่า ตัวจริง เสียงจริง เขาสามารถแปรงร่างเป็นมนุษย์หมาป่าได้เพื่อง่ายต่อการล่า สาเหตุที่ฆ่าเด็กนั้นนั้นก็เพื่อนำมาเป็นอาหารแก่เขาและภรรยาเพราะเด็ก มนุษย์ล่าง่ายกว่าสัตว์ทั่วๆ ไป โดยเหยื่อของเขาฆ่าอย่างน้อยสี่ราย อายุระหว่าง 9-12 ปี ในเดือนตุลาคม 1572 โดยเหยื่อรายแรกคือเด็กสาวอายุ 10 ปี ที่เขาลากเธอในขณะอยู่ไร่องุ่น เขาฉีกเสื้อผ้าของเธอออกแล้วกินเนื้อจากต้นขาและแขนของเธอ ส่วนเนื้อบางส่วนเอามันกลับบ้านไปให้ภรรยา สุดท้ายการ์นิเย่ก็ถูกประหารด้วยการเผาทั้งเป็นเมื่อ 18 มกราคม 1573
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaithe-walking-dead4. Zombie
  • ซอม บี้ เป็นคำเรียกของคนที่ตายไปแล้วแต่กลับมาเดินเหินได้ราวกับมีชีวิตอีกครั้งตาม ความเชื่อของลัทธิวูดู เรื่องราวในลัทธิวูดูนั้นกล่าวถึงซอมบี้ว่าถูกควบคุมด้วยเวทมนตร์ให้ทำงาน ใช้แรงงานให้พ่อมด แต่ภาพลักษณ์ของซอมบี้ในวัฒนธรรมสมัยใหม่ซึ่งปรากฏผ่านสื่อต่างๆนั้นต่างจาก ในลัทธิวูดูมาก โดยสาเหตุสำคัญนั้นมาจากความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง Night of the Living Dead
  • การ ทดลองที่สามารถคืนชีพได้นั้น ปัจจุบันสามารถทำได้จนสำเร็จ หนึ่งในนั้นคือการทดลองของนักวิทยาศาสตร์จากศูนย์การวิจัยกู้ชีพซาฟาร์ แห่งมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์ก (Pittsburgh’s Safar Centre for Resuscitation Research) สหรัฐฯ ได้พัฒนาเทคนิคการถ่ายเลือดและเติมสารละลายน้ำเกลือที่เป็นน้ำแข็งและเย็นยะ เยือกลงไปในเส้นเลือดดำ เพื่อรักษาสภาพและฟื้นชีวิตที่ตายไปแล้วให้กลับฟื้นคืนมาใหม่ได้เป็นผล สำเร็จ โดยการชุบชีวิตครั้งแรกได้ทดสอบกับ “สุนัข” จำนวน หนึ่งซึ่งตายแล้วตามนิยามทางการแพทย์ คือหยุดหายใจและหัวใจไม่เต้นหรือไม่มีกิจกรรมใดๆ เกิดขึ้นในสมอง และสภาพศพอยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่าศูนย์องศา อุณหภูมิร่างกายเหลือเพียง 7 องศาเซลเซียส  แม้ ว่าสุนัขน้อยเหล่านี้จะตายแล้วในทางการแพทย์แต่เนื้อเยื่อและอวัยวะต่างๆ ยังอยู่ในสภาพดี เส้นเลือดต่างๆ และเนื้อเยื่อที่เสียหายสามารถซ่อมแซมได้ด้วยการศัลยกรรม  โดยกระบวนการคืนชีพทางวิทยาศาสตร์นี้สามารถทำได้โดยการช็อตด้วยไฟฟ้าระหว่าง กระบวนการแทนที่เลือดด้วยน้ำเกลือ
  • แต่ว่าอีก 3 ชั่วโมงต่อมาเลือดของสุนัขที่สิ้นใจก็ถูกแทนที่ด้วยน้ำเกลือและได้ออกซิเจน เต็มที่ 100% บรรดาสุนัขๆ ก็ฟื้นคืนชีพมาเป็น “สุนัขซอมบี้”  การ ทดลองนี้นับว่าเป็นความก้าวหน้าทางการแพทย์ที่มีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง โดยนักวิทยาศาสตร์พยายามทำให้ผู้ป่วยกลับฟื้นชีวิตได้ อย่างน้อยเพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม แต่ก็มากพอสำหรับการรักษาชีวิตผู้บาดเจ็บจากสงคราม หรือเหยื่อที่ถูกแทง ถูกยิง เพราะพวกเขาจะเจ็บปวดและขาดใจจากการเสียเลือดมากผลที่ได้ทำให้ทางศูนย์มีแผน จะนำเทคนิคนี้ไปทดสอบใช้ในมนุษย์ภายในปีหน้า อีกทั้งเชื่อว่าภายใน 10 ปีจะสามารถนำเทคโนโลยีนี้มาใช้ขัดขวาง “การตาย” ของมนุษย์ได้ในบางกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสมรภูมิรบ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiFRANKENSTEIN-e13142990147345. Frankenstein
  • แฟรง เกนสไตน์ เป็นนวนิยายยอดนิยมเรื่องหนึ่ง เขียนโดย แมรี เชลลีย์ จัดพิมพ์ครั้งแรก ณ กรุงลอนดอน เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1818 โดยเนื้อเรื่องของแฟรงเกนสไตน์มีอยู่ว่า มีชายคนหนึ่งชื่อ วิคเตอร์ แฟรงเกนสไตน์ ได้ไปศึกษาที่เยอรมนี เขาสนใจในเรื่องการใช้ไฟฟ้ากับร่างกายของมนุษย์ จึงนำชิ้นส่วนจากศพหลายๆ ศพ มาเย็บเข้าด้วยกันและช็อตด้วยไฟฟ้า ทำให้ซากศพนั้นมีชีวิตขึ้นมา เป็นอสุรกายที่มีร่างกายใหญ่โต แต่เมื่ออสุรกายนั้นมีชีวิต วิคเตอร์ก็เกิดกลัวอสุรกายนั้นขึ้นมา จึงได้หนีไปและทิ้งให้อสุรกายตนนั้นมีชีวิตอย่างเดียวดาย โดยไม่ยอมรับมัน อสุรกายจึงขอร้องให้วิคเตอร์สร้างอสุรกายแบบมันขึ้นมาอีก 1 ตน แต่วิคเตอร์ก็ไม่ยอม มันจึงเริ่มฆ่าคนที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับวิคเตอร์เพื่อให้วิคเตอร์รับ รู้ความรู้สึกของความโดดเดี่ยวบ้าง จนวิคเตอร์เสียชีวิต อสุรกายก็เสียใจมาก เพราะมันได้สูญเสียเพื่อนคนแรกและคนสุดท้ายในชีวิตของมันไป
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
  • ความ จริงแล้วเรื่องราวการทำศพมาต่อกันเป็นรูปร่างคนนั้นมีมากมาย ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 พวกนาซีก็เคยมีการทดลองที่ว่านี้เหมือนกัน แต่กรณีที่โด่งดังที่สุดคือกรณีของ  Vladimir Demikhov(1916 – 1998)  เป็นนัก วิทยาศาสตร์ นักวิจัยกายภาพมีชื่อเสียของโซเวียต เคย เป็นหมอทหารรัสเซียในสงครามโลกครั้งที่ 2  ที่ มีความเชี่ยวชาญเรื่องการผ่าตัดสมอง และการปลูกถ่ายอวัยวะ เขาเป็นที่รู้จักกันดีในโครงการปลูกถ่ายหัวสุนัขเมื่อ 1950 เขาได้แสดงผลงานวิจัยของเขา มันคือสุนัขสองหัว โดยหัวของลูกสุนัขได้ถูกใส่เข้าไปในส่วนคอของสุนัขเชพเพิร์ดขนาดใหญ่ โดย หัวที่สองจำเป็นต้องดื่มนม(แม้ว่าทุกๆ หยดจะเข้าปากและรั่วตรงรอยต่อก็ตาม)แต่ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องในเดียวกับ สุนัขตัวใหญ่ อย่างไรก็ตามสุนัขสองหัวนี้ก็ตายเพราะร่างกายรับไม่ไหวและเนื้อเยื่อเข้ากัน ไม่ได้ แต่อย่างไรก็ตามผลงานของเขาได้กลายเป็นรายบันดาลใจในการปลูกถ่ายอวัยวะใน เวลาต่อมา
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaithe-hills-have-eyes6. The Hills Have Eyes
  • The Hills Have Eyes (1977) เป็นภาพยนตร์คลาสสิกของผู้กำกับเวส คราเว่น ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับมนุษย์กลายพันธุ์กินคนในถ้ำกลางทะเลทรายที่ดักล่าคน ที่ขับรถไปตามท้องถนน ด้วยเนื้อหาดิบ และเหี้ยมโหดระทึกขวัญ และการเอาตัวรอด ส่งผลทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังในเวลาต่อมา จนถูกนำมาสร้างใหม่ในปี 2006 เพียงแต่เป็นเนื้อหาแตกต่างจากต้นฉบับเล็กน้อย
  • โดยแรงบันดาลใจของภาพยนตร์เรื่องนี้ มาจากเรื่องราวของซอว์นี่ บีน(Sawney Bean) ฆาตกร กินคนในสก็อตแลนด์ ที่เขาและสมาชิกในครอบครัวร่วมมือก่ออาชญากรรมฆ่าคณะคนเดินและกินเนื้อคน โดยเหยื่อที่ถูกครอบครัวนี้ฆ่าว่ากันว่ามีถึง 1000 คน
  • เรื่อง ราวของซอว์นี่ บีนปรากฏอยู่ในบันทึกนิวเกตส์ ตำนานของสกอตแลนด์ เขียนไว้ว่า ซอว์นี่ บีน มีชื่อเต็มว่า อเล็กซานเดอร์ ซอวี่นี เกิดในช่วงต้นศตวรรษที่ 15-16  ที่เมืองอีสต์ โลเธี่ยน ประเทศสก็อตแลนด์ บิดาเป็นช่างสารพัดและคนขุดคลอง โดยซอว์นี่ บีน เป็นคนขี้เกียจอย่างบรม สมองทึบ นิสัยป่าเถื่อนโมโหร้าย เขาออก  อก จากบ้านและแต่งงานกับผู้หญิงคนหนึ่งที่มีนิสัยชั่วร้ายเหมือนกับเขา ทั้งคู่ออกเดินทางเร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ จนกระทั้งมาหยุดลงที่ถ้ำลึกที่ชื่อบันนาน่าถ้ำชายฝั่งในกัลป์โลเวอร์ (ปัจจุบันคือไอร์ไชร์ใต้) และอาศัยอยู่ที่นั่นเป็นที่พักถวาร พวกเขาหาเลี้ยงชีพด้วนยการปล้นฆ่านักเดินทางที่ผ่านไปผ่านมาในบริเวณแถวนั้น ตอนกลางคืน พวกเขาสืบลูกสืบหลานแบบร่วมประเพณีระหว่างพี่น้อง (ซอว์นี่ บีนมีลูกชาย 8 คน ลูกสาว 6 คน) ทำให้เกิดเด็กลูกหลานที่มีสติไม่สมประกอบพิกลพิการถือกำเนิดขึ้นเป็นจำนวน มาก สภาพบ้านเริ่มแออัด พร้อมกับความต้องการอาหารที่มีมากขึ้น แต่อาหารที่ได้จากการฆ่านักเดินทางนั้นมีน้อยไม่พอในการเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง ของครอบครัว ดังนั้นพวกเขาจำเป็นต้องแก้ปัญหานี้โดยการกินเนื้อคนที่ได้จากการฆ่าเพื่อ เป็นอาหาร พวกเขาทำแบบ ต่อเนื่องมาเป็นเวลายาวนานถึง 25 ปี เขามีลูกชาย 8 คน ลูกสาว 6 คน หลานชาย 18 คน และหลานสาว 14 คน ผลสุดท้าย ซอว์นี่ บีนและครอบครัวถูกพิพากษาประหารชีวิต โดยให้พวกผู้ชายต้องถูกหั่นร่าง ส่วนพวกผู้หญิงและเด็กให้ถูกเผาทั้งเป็น
  • เรื่อง ราวของซอว์นี่ บีน ยังเป็นที่สนใจของนักประวัติศาสตร์ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ในปี 2005 มีบทความของนักประวัติศาสตร์ท่านหนึ่งเขียนว่าเรื่องราวของตระกูลบีนอาจไม่ ใช่เรื่องจริง อาจเป็นเรื่องสมมุติแต่งขึ้นให้คนสมัยนั้นหวาดกลัว ที่สมัยนั้นประชาชนไม่ค่อยเคารพกฎหมาย
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiexorcist-4317. The Exorcism
  • พิธีไล่ผี, เด็กสาวที่ถูกปีศาจสิงแล้วทำตาและพฤติกรรมน่ากลัว,ใช้ภาษาหยาบคาย, การอาเจียนรดพวกพระ และอุปกรณ์และเครื่องมือต่างๆในการไล่ผี, แนวความคิดถูกนำไปสร้างภาพยนตร์และนิยายมากมาย และที่ดังที่สุดคือ The Exorcism of Emily Rose และ Requiem ซึ่งหนังนี้มาจากเรื่องจริงเสียด้วยสิ!!
  • เหตุการณ์ประหลาดนี้เกิดขึ้นที่ในปี 1968 หมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในแคว้นบาวาเรีย  ทางตอนใต้ของเยอรมนี นางสาวอันเนลีส มิเชล(Anneliese  Michel) อายุ 16 ปี จู่ๆ ก็เกิดอาการประหลาดน่ากลัวเกิดขึ้น เธอเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้ทำร้ายตัวเอง(เธอวิ่งชนกำแพงฟาดหน้าจน ฟัน คาง กราม และจมูกหัก เบ้าตาอักเสบ) เอาแต่นับเลขพึมพำไม่เป็นภาษา พูดจารุนแรงและหยาบคาย แสดงอาการลุกลี้ลุกลนทำร้ายกัดคนในครอบครัว ทำลายข้าวของ ฉีกเสื้อผ้าและฉี่ลงบนที่นอนและลงไปนอนทับ ครอบครัว เธอไม่กินอาหาร แต่หันไปกินแมลงวัน แมงมุม ถ่านไม้ ดื่มปัสสาวะตัวเองแทนน้ำสะอาด(เธอปัสสาวะลงบนพื้น)  แทะทึ้งซากนกจนหัวมันหลุดจากร่าง ฉีกทึ้งเสื้อผ้าตัวเองเป็นว่าเล่น  เธอ เคยคลานอยู่ใต้โต๊ะแล้วเห่าหอนอยู่สองวันเต็ม กรีดร้องไม่รู้จักเหนื่อยนานนับชั่วโมง ร้องไห้ กลายเป็นเรื่องปกติร่างกายเธอทรุดโทรมลงมาก หัวเข่าเธอแตกอันเนื่องมาจากการคุกเข่าถึง 600 ครั้ง เธอได้พบภาพหลอนเกี่ยวกับภูตผีปิศาจซ้ำแล้วซ้ำเล่า27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai1_display
นางสาวอันเนลีส มิเชล(Anneliese  Michel) 
  • พ่อแม่พาตัวเธอไปรักษา แต่ก็รักษาไม่หาย จนทั้งสองคิดว่าเธอถูกปีศาจสิง เลยไปขอร้องบาทหลวงเอิร์นส์ต อัลต์ (Ernst Alt) กับหลวงพ่อโจเซฟ เรนซ์ (Arnold Renz) มาทำพิธีไล่ผี ว่ากันว่าขณะที่ทำพิธีไล่ผี อันเนลีสดิ้นรนขัดขืนสุดแรงเกิด เรี่ยวแรงของเธอจู่ๆก็มหาศาลถึงขนาดต้องใช้ผู้ชายแข็งแรงกำยำ 3 คน ช่วยกันจับจึงจะเอาอยู่ และบางครั้งถึงต้องเอาโซ่ล่ามเธอไว้ เพราะเธอกระโดดสูงจากพื้นได้เป็นเมตร พิธีไล่ผีเริ่มเข้มข้น แต่ร่างกายของอันเนลีสก็อ่อนแอลงเพราะขาดน้ำและอาหาร พ่อและแม่ของเธอถึงกับต้องเข้ามาช่วยพยุง เพราะเธอไม่ไม่มีแรงจะเดิน และเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1976
  • เล่ากันว่า ประโยคสุดท้ายที่อันเนลีสพูดกับแม่ของเธอในคืนก่อนหน้านั้น ก็คือ ว่า ”แม่…หนูกลัว (Mother I’m very scared)” เรื่อง ประหลาดหลังจากเธอตาย ก็ตามมาอีกเป็นระยะไล่ตั้งแต่โลงศพอันเนลีสมีรูปมือปิศาจเกาะอยู่ และท้องฟ้าในขณะทำพิธีฝังศพก็ปรากฏหน้าของปีศาจที่แสนน่ากลัวฯลฯ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
8. Witches
  • มาเธอร์ ชิปตัน (Mother Shipton หรือ Ursula Southeil) (c. 1488 – 1561) เป็นแม่มดนักทำนายชาวอังกฤษ เธอเกิดก่อนนอสตราดามุสเสียอีก(สัก 15 ปี) รูปร่างใหญ่โตกว่าคนธรรมดา หลังค่อม หน้าตาน่ากลัว และเธอถูกเผาตายเพราะถูกกล่าวหาว่าแม่มดที่รู้อนาคตแย่ๆ ให้แก่อังกฤษ(บางอันก็ดีนะ)
  • คำพยากรณ์ของเธอตรงไปตรงมายิ่งกว่านอตดามุสเสียอีก เหตุการณ์สำคัญที่เธอทำนายและถูกก็เช่น การเผาไหม้ครั้งใหญ่ในกรุงลอนดอน, กองเรือสเปนที่อ่าวอามาด้า, โรคระบาดครั้งยิ่งใหญ่ในกรุงลอนดอน นอกจากนี้ยังทำนายเรื่องรอบโลก เช่น ทวีปอเมริกา, เครื่องจักรไอน้ำ, รถยนต์ เครื่องบิน, เรือดำน้ำ ซึ่งคำทำนายเหล่านั้นถูกนำมาพิมพ์เป็นหนังสือในปี 1797 และแน่นอนคำทำนายเรื่องโลกแตกของเธอก็มีเช่นกัน ดั่งเช่นตอนหนึ่งที่ กล่าวไว้ว่า
The dragons tail is but a sign (หางมังกรเป็นสัญญาณ)
For mankinds fall and man’s decline. (การล่มสลายของมนุษย์ชาติ และการเสื่อมถอยของคน)
And before this prophecy is done (และก่อนทำนายนี้จะจบลง)
I shall be burned at the stake, at one (ฉันคงถูกเผาที่ลานประหาร)
My body singed and my soul set free (ร่างกายของฉันไหม้เกรียม ร่างกายของฉันถูกปลดปล่อย)
You think I utter blasphemy (คุณคิดว่าฉันสบประมาท(ดูถูกพระเจ้า)หรือ)
You’re wrong. These things have come to me (คุณคิดผิดแล้วละ เพราะสิ่งเหล่านั้นได้ปรากฏแก่ฉัน)
This prophecy will come to be. (คำทำนายนี้จะเป็นจริงในที่สุด)
(หมายถึงการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 นะครับ ต้องเอาหลายๆ บทมาประกอบกัน แต่นี้เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ซึ่งส่วนต่อกันก็มีประเทศมหาอำนาจสู้กัน การมาถึงของมนุษย์ต่างดาว ภัยพิบัติ ฯลฯ และเธอเขียนคำทำนายนี้ขึ้นก่อนโดนประหารโดยการเผาในอีกหลายปีต่อมา)
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
9. Angel of Death
  • เรื่องนี้เป็นเรื่องสยองขวัญคลาสสิกของประเทศอังกฤษ ปี 1906 ที่ประสบการณ์ของลอร์ด ดัฟเฟอริน(Lord Dufferin ‘s Story) เป็นทูตชาวอังกฤษ โดยเหตุการณ์เริ่มขึ้นเมื่อเขาพักในชนบทของสหายที่ไอร์แลนด์
  • คืน หนึ่ง ระหว่างที่พักอยู่ที่นั่น ท่านทูตรู้สึกกระสับกระส่ายผิดปกติจนไม่สามารถข่มตาหลับได้ ท่านลุกจากเตียง ตรงไปที่หน้าต่าง คืนนั้น ดวงจันทร์ส่องแสงสกาว สว่างราวกับสวนทั้งสวนอยู่ยามเช้า ขณะที่กำลังชมสวนอยู่นั้นเอง ท่านก็มองเห็นชายคนหนึ่งแบกหิบยาวเดินมา ร่างที่เงียบกริบส่อลางร้ายนั้นค่อยๆ เดินตัดสนามหญ้าสกาวในสวน เมื่อผ่านบานหน้าต่างที่ลอร์ด ดัฟเฟอรินยืนอยู่ ชายคนนั้นก็เงยหน้าขึ้นมาจ้องสบดวงตาท่านทูต ท่านลอร์ดสะดุ้งเฮือกด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของชายคนนั้นน่าเกลียดน่ากลัวเกินกว่าจะหาคำใดมาบรรยาย เขาจ้องมองท่านอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็แบกหนียาวเดินลับหายไปในเงามืด ท่านทูตมองเห็นชัดเชนว่าสิ่งที่วางอยู่บนหลังของเขานั่นคือโลงศพ(บางตำนาน ปรากฏว่าเป็นรถม้าแบกโลง)
  • เช้า วันรุ่งขึ้นลอร์ด ดัฟเฟอรินเที่ยวถามเจ้าของบ้านและแขกคนอื่นๆ ถึงชายลึกลับในสวน แต่ไม่มีใครทราบเรื่องของเขา ทุกคนหัวเราะและบอกว่าท่านคงฝันร้าย แต่ท่านทูตรู้ดีว่าไม่ใช่แน่นอน
  • หลาย ปีหลังจากนั้นลอร์ด ดัฟเฟอรินเป็นแขกของอัครราชทูตฝรั่งเศส ประจำปารีส ท่านกำลังจะไปงานเลี้ยงรุ่นที่นั่น ขณะที่กำลังจะเดินเข้าไปในลิฟต์นั้นเอง(ลิฟต์เป็นของใหม่ในสมัยนั้น) ลอร์ดก็เกิดความรู้สึกลี้ลับบางอย่างทำให้ท่านหันไปมองพนักงานประจำลิฟต์ ความตื่นตระหนกแล่นมาจับที่ขั้วหัวใจ เขาคือชายคนเดียว(หรือหน้าเหมือน)กับคนที่แบกหิบในสวนกลางแสงจันทร์คืนนั้น ท่านลอร์ดชะงักอยู่หน้าลิฟต์อย่างไม่ตั้งใจ ประตูลิฟต์ค่อยๆ ปิดลง และเพียงสองสามนาทีหลังจากท่านลอร์ดยืนตะลึงอยู่นั้น เสียงโรงก้องกัมปนาทก็ดังขึ้น ท่านลอร์ดสะดุ้งสุดตัว สายเคเบิลขาด ลิฟต์ร่วงลงไปกระแทกกับพื้นขากชั้นสาม ผู้โดยสารหลายคนเสียชีวิตอย่างน่าอนา จ รวมทั้งพนักงานกดลิฟต์ผู้ลึกลับ ขากการสอบสวนพบว่า พนักงานผู้นั้นเป็นลูกจ้างชั่วคราวและเพิ่งมาทำงานวันแรก ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน…?
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
10. The Clown Statue / The Clown Doll
  • ชาวอเมริกันบางคนกลัวตัวตลกคะ (จากการวิเคราะห์ของนักจิตวิทยาพบว่าเด็กส่วนใหญ่ไม่ชอบตัวตลก) ดังนั้นจึงไม่แปลกอะไรที่ภาพยนตร์หลายเรื่องมักใช้ตัวตลกมาทำเป็นสัตว์ ประหลาดทำร้ายคน นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าที่น่าขนหัวลุกเกี่ยวกับตัวมันอีก
  • โดยเรื่องเริ่มขึ้นว่าในระหว่างที่ บ้านหลังใหญ่หลังหนึ่ง ในกลางคืนดึกวันหนึ่ง ระหว่างที่พ่อแม่ดูทีวีในห้อง อยู่นั้นก็มีเด็กซึ่งเป็นลูกของพวกเขามายังในห้อง(บางที่ก็บอกพี่เลี้ยง เด็ก) พ่อแม่เด็กถามเด็กว่าทำไมไม่ไปนอน ตื่นขึ้นมาหาพวกเขาทำไม เด็กคนนั้นตอบว่าช่วยจัดการกับรูปปั้นตัวตลก(ตุ๊กตาตัวตลก)ในห้องของผมที ครับ มันจ้องหน้าผมเวลานอนจนผมเป็นประสาทและนอนไม่หลับ
  • เมื่อพ่อแม่ได้ยินเด็กพูดดังกล่าวก็อึ้ง เพราะว่าบ้านพวกเขาไม่ได้มีรูปปั้นตัวตลกในห้องนอนสักหน่อย และเขาก็ไม่เคยซื้อรูปปั้นดังกล่าวมาด้วย และรูปปั้นตัวตลกในห้องนั้นนั่นคืออะไรล่ะ? ด้วยความกลัว พวกเขาก็โทรเรียกตำรวจทันทีและผลปรากฏว่าไม่พบรูปปั้นตัวตลกในห้องนอนของพวก เขา แต่พบว่ามีร่องรอยบุกรุกจากภายนอก สันนิษฐานว่าคนจรจัดไม่ก็คนบ้าได้ปลอมเป็นตัวตลกแอบบุกรุกในบ้าน หรือไม่ก็คนบ้าหลบหนีจากคุกเพื่อฆ่าเด็ก และเรื่องเล่าดังกล่าวก็เคยถูกนำมาแต่งเป็นนิยายของสตีเฟ่น คิง และถูกนำมาเป็นภาพยนตร์ในชื่อ Stephen  King’s It (1990)  หรือเรื่อง Killer Klowns(1988), Clownhouse(1990) ที่นำเสนอเป็นสัตว์ประหลาดที่มันจะออกมากินเด็กในเมืองนั้น
  • และมันก็เกิดขึ้นจริงซะงั้น? ในปี 1990 ที่ West Palm Beach ฟลอริด้า หญิงสาวคนหนึ่งชื่อเชียลา(shelia keen) อายุ 27 ปีถูกยิงตายโดยผู้เห็นเหตุการณ์กล่าวว่าคนฆ่าอยู่ใกล้ศพของเธอนั้นแต่งตัว เป็นตัวตลกใส่วิกผมสีส้มทอง(และคดีนี้ไม่สามารถไขได้ จนกลายเป็นคดีปริศนาในเวลาต่อมา) แต่ฆาตกรตัวตลกนี้เทียบไม่ได้กลับฆาตกรต่อเนื่องนาม จอห์น เวยน์ เกซี(John Wayne Gacy 1942 ~ 1994) ที่ทำการฆาตกรรมฆ่าข่มขืนเด็กหนุ่ม 33 ชีวิตในระหว่างปี 1970-1978 ในเมืองชิคาโก้ รัฐอิลินอยส์ เขาถูกตั้งฉายาว่า “ฆาตกรตัวตลก” เนื่องจากเขาชอบ แต่งตัวเป็นตัวตลกไปเยี่ยมเด็กๆในโรงพยาบาลหรืองานกุศล สุดท้ายเขาก็ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดยาพิษเข้าเส้นเลือด
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
11. The Living Severed Head
  • เป็นความเชื่อของคนหลายคนทั่วโลกไม่ใช่เฉพาะแค่อเมริกา โดยเชื่อว่าเมื่อคนโดนตัดหัวหลุดจากบ่า แต่แล้วหัวนั้นมันมีชีวิตอยู่ระยะหนึ่ง มันยังคงพะงาบๆ และมันเหลือบมองหน้าคนตัดอย่างอาฆาต!! และมันก็เกิดขึ้นจริงซะงั้น!! เมื่อหัวเราหลุดจากบ่า เรายังมีชีวิตอยู่ต่อได้ไหม เราสามารถกระพริบตา พะงาบๆ สมองยังทำงานได้ไหม
  • รื่องเหล่านี้เริ่มขึ้นในช่วงที่ กิโยตินหรือเครื่องตัดหัวเป็นที่นิยมใช้ประหารนักโทษ ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นการประหารที่ทำให้ผู้ถูกประหายตายอย่างรวดเร็ว หมดจด สมองไม่เสียหาย เวลาประหารแต่ละทีจะทำท่ามกลางประชาชนที่มามุมแน่นขนัด และนั้นเองทำให้พวกเขามีโอกาสเห็นหัวยังมีชีวิต  หนึ่งในนั้นคือ สมัยปฏิวัติฝรั่งเศส วันที่ 17 กรกฎาคม 1793 สาวนาม ชาร์ล็อตต์ คอร์เดย์(Charlotte Corday) สาวบ้านนอกที่ทำการฆาตกรรม พอล มารัต(Jean-Paul Marat)เธอถูกประหารด้วยกิโยติน หลังจากคมมีดตัดเอาศีรษะเธอกระเด็นออก ผู้ช่วยประหารคนหนึ่งหยิบหัวเธอมา แล้วตบแก้ม พยานโดยรอบยืนยันว่าดวงตาของเธอกลอกมามองเขาพร้อมกับสีหน้าไม่พอใจและได้พูด คำว่า “ไม่ได้”(couldn) หลังจากนั้น ผู้คนที่จะถูกประหารด้วยกิโยตินก็จะถูกขอให้กระพริบตา ผลคือมีนักโทษหลายคนแสดงให้เห็นว่าแม้ถูกตัดหัวตนก็ยังมีชีวิตอยู่
  • ใน 1905 จากหลักฐานต่างๆ สามารถสรุปได้ว่าแม้ถูกตัดหัวแล้ว สมองของคุณ ยังคงสามารถรับรู้สิ่งต่างๆ ได้หลายวินาทีก่อนที่จะตาย โดยหนึ่งในนั้นมาจากงานทดลองของดอกเตอร์ โบเรียคซ์ (Beaurieux) ผู้ซึ่งทำทดลองจากฆาตกรฝรั่งเศสชื่อ แลงกุยล์เลอ(Languille) หลังจากเขาถูกแท่นตัดคอนักโทษด้วยเครื่องประหารด้วยกิโยติน(แท่นตัดคอนักโทษ ที่ถูกออกแบบให้ประหารแบบมนุษยธรรม)  ตาของ แลงกุยล์เลอ และปากยังคงขยับดำเนินต่อไปนานถึงห้าถึงหกวินาที และต่อมาเมื่อโบเรียคซ์ ตะโกนเรียกชื่อนักโทษ ก็พบเรื่องน่าขนลุกเมื่อ ตาของ แลงกุยล์เลอเปิดออกครั้งและจ้องมองเขา  ทำให้เกิดความเชื่อว่าเมื่อคนหัวขาดอาจสามารถคลองสติได้ 15 วินาที
  • แพทย์สมัยใหม่เชื่อว่าปรากฏการณ์ดังกล่าวเกิดจากการ reflex ของกล้ามเนื้อ (คือกล้ามเนื้อกระตุกจากการสูญเสียเลือด หรือการควบคุม ทำให้ตากระพริบหรือกลอก) ไม่ใช่สติรู้ตัว แม้สมัยนี้กิโยตินถูกยกเลิกแล้ว แต่ใช่ว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก เมื่อมีเหตุการณ์อุบัติเหตุเกิดขึ้น  เช่นในเดือนมิถุนายนปี 1989 เมื่อคนสองคนนั่งแท็กซี่แล้วประสบอุบัติเหตุชนกับรถบรรทุก เพื่อถูกตัดศีรษะออก ส่วนอีกคนที่รอดได้พบเหตุการณ์น่าสยอง เธอได้เล่าเรื่องนี้หลังรอดชีวิตว่า ”หัวนั้นหงายหน้ามองฉัน ฉันยังสังเกตว่า ปากของเขาพยายามพูดสื่อสารอะไรบางอย่างกับฉันอยู่ แม้ตอนนั้นฉันกำลังสับสน หวาดกลัวและเศร้าโศก แต่ฉันไม่พูดเกินความจริง เขายังกะพริบตาและจ้องกับฉัน ก่อนที่หัวนั้นจะหลับตาลงและไม่ตื่นอีกเลย”
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiimages (3)12. Buried Alive
  • เรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชายคนหนึ่งแต่งงานกับ และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั้งแก่เฒ่า จนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขาได้จากไป เขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์ คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสานเพื่อให้เธอพักผ่อน ถาวร เรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้ หากแต่ไม่ เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับ เขาได้ฝันน่ากลัวเข้า เมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้น เธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝังในดิน ความมืด ความแคบ อาการน้อยลงทุกที ทำให้เธอกลายเป็นบ้า เธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมาช่วยเหลือเธอ
  • ฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืน จนกระทั้งทนไม่ไหว เขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่นนำโลงศพของภรรยาของเขาออกมา และเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้เน่าเบื่อ ซ้ำที่เบิกตาโพลง ทำหน้าตาหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง และที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน
  • มันเป็นจริงซะงั้น! เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ต่อมากลับพบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริง และกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมาย แต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลายเป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณี สาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริงหรือไม่ นั้นไม่ค่อยทันสมัย ทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆ ที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะ และนี้คือตัวอย่าง ของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่า สยดสยอง
  • ปี 1851 เวอรจิเนีย เเมคโดเนล(Virginia Macdonald) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้และป่วยตายเธอถูกนำไปฝังในสุสานกรี นวู๊ด(Greenwood) บรู๊คลิน นิวยอร์ค อเมริกา หลังจากพิธีฝังศพผ่านไป แม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตาย เธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝา โลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะ แต่ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่า เธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกาย ที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดี แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลง แต่ล้มเหลวและขาดใจตายไปเสียก่อน (ปล. หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ หลายโรงถูกนำมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก)
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
13. เฟาสท์ (Faust)
  • Faust เป็นตัวละครเอกในนิยายเร้นลับโด่งดังของนักเขียนเยอรมันชื่อ โยฮันน์ โวล์ฟกัง ฟอน เกอเธบทละครอมตะของโลก ซึ่งจัดเป็นวรรณกรรมชิ้นเอกของเยอรมันที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับงานของกวี โลก เช่น โฮเมอร์ ดันเต้ และเชคสเปียร์
  • รื่องราวเกี่ยวกันเฟาสท์ ได้มีการเล่าขานเป็นตำนานพื้นบ้านที่น่าตื่นเต้นที่มีสีสัน เนื้อหาสำคัญอยู่ที่ว่า เฟาสท์เป็นเหมือนศาสดาผู้มีความรู้ทั้งทางวิทยาศาสตร์ เป็นเรื่องราวของชาย ผู้มีความรู้ ท่วมตัว และทะเยอทะยานที่ไม่มีที่สิ้นสุด วัน หนึ่งโชคชะตาชักนำให้เขาพบ กับเมมฟิสโต้ (Mephistopheles) ปีศาจ ผู้สงสัยในอำนาจของพระเจ้า และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ หากไม่หลงเชื่อในภาพลวงตาแห่งสวรรค์ ที่พระเจ้าเสกสรรค์ปั้นแต่งขึ้น ท่ามกลางสถานการณ์คับขันที่ต่างฝ่ายต่างมีภารกิจ ที่จะต้องสนองตัณหาของตนเอง เฟาสท์จึงยอมขายวิญญาณให้แก่เมฟิสโต้เพื่อ แลกกับความเป็นหนุ่มอีกครั้งและ นี่คือจุดเริ่มต้นของโศกนาฎกรรม
  • เฟาสท์นั้นเป็นบุคคลที่มีชีวิตจริงอยู่ในศตวรรษที่ 16 มีอีกชื่อหนึ่ง คือ ดร.เฟาสต์(Dr.Faust)เป็นผู้ศึกษาด้านเวทมนต์อำนาจมืด เขาถูกกล่าวหาว่าคบหากับซาตาน
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
14. บูกี้ แมน (Boogeyman)
  • Boogeyman หรือบูกี้แมน มาหลายชื่อเพราะมันปรากฏตัวทั่วโลก เช่นboeman (เดนมาร์ก), buse (นอร์เวย์), bòcan, púca, pooka or pookha (Irish Gaelic), pwca, bwga or bwgan (เวลล์), puki (Old Norse), pixie or piskie (Cornish), puck (อังกฤษ), bogu (Slavonic, buka Russian) เป็นผีหรือปีศาจ มีความโหดร้านเลือดเย็น โบกีย์แมนไม่มีตัวตนจริงๆ มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างต่างๆ ได้ และสามารถผ่านเข้าไปได้ทุกๆ ที่ บางที่อาจเป็นเพียงธุรี ปลิวเข้าทางช่องหน้าต่างหรือรูกุญแจ บางทีอาจเป็นเงารางๆ แต่มันสามารถฆ่าคนได้ มีความเชื่อว่า พวกฆาตกรต่อเนื่องหรือซีเรียล คิลเลอร์ที่ก่อคดีฆาตกรรมมากมายนั้นคือ โบกีย์แมนนั้นเอง โบกีย์แมนยังถูกใช้เป็นเครื่องมือในการที่พ่อแม่ หรือผู้ใหญ่จะเอาไว้หลอกเด็กๆ ให้เกิดความกลัวเวลาเล่นซน
  • โบกีย์แมนนั่นมาจากเรื่องจริง ในแถบเกาะชวาหรือมาเลเซีย ซึ่งชาวอังกฤษเข้ามายึดครองพื้นที่แถบนี้ โดยโบกีย์แมนนั้นมาจาก บูกีส(Bugis) ที่เป็นโจรสลัดในแถบนั้น มีความโหดร้าย ปล้นฆ่านักเดินทางอยู่ในย่านนั้น สร้างความหวาดกลัวเป็นอันมาก จนมีคำขู่กับลูกเรือที่นอกลู่นอกทางกันว่า “เดี๋ยวบูกิสจะมาเอาชีวิต” จนกระทั้งความหวาดกลัวที่มีต่อบูกิสติดตามมายังอังกฤษ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaihaunted-house15. House so Haunted
  • หนึ่งในเรื่องเล่าที่ได้รับความนิยม มากที่สุดในอเมริกาและทั่วโลก ที่เล่ากันว่าให้ระวังการซื้อบ้านมือสอง ที่มีขนาดใหญ่หรือเป็นคฤหาสน์ ที่เปลี่ยนมือเจ้าของหลายราย ไม่งั้นจะได้สิ่งไม่พึ่งปรารถนาแถมมาด้วย นั่นก็คือวิญญาณร้ายที่สิ่งสถิตในบ้านหลังนั้นที่จะทำให้เจ้าของหรือผู้อยู่ อาศัยต้องขวัญผวา จนผู้อยู่อาศัยต้องย้ายออกไปทุกครั้ง
  • นอกจากนี้ในหมู่เด็กๆ ก็มักจะเล่าถึงบ้านขนาดใหญ่ร้างคนว่าใครก็ตามที่เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวจะ ไม่สามารถกลับออกมาอีกเลย เพราะมันเป็นบ้านกินคนที่มักกินคนที่หลงเข้ามาในบ้าน และสถานที่คาดว่ามีผีสิงคาดว่าจะอยู่ มิชิแกน, โอไฮโอ และแคลิฟอร์เนีย และเรื่องที่โด่งดังที่สุดคงจะไม่เกินไปกว่าเรื่องของ บ้านอมิตี้วิลล์ โอนอเวนิว ทางใต้ของนิวยอร์ค ซึ่งเป็นบ้านทรงดัทซ์ โคโลเนียล ที่ถูกสร้างตั้งแต่ปี 1924 แต่เมื่อ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 1974 และได้เกิดการฆาตกรรมหมู่ครอบครัวหนึ่งจากนั้นเป็นต้นมาที่นี่ก็กลายเป็น บ้านผีดุ ไปในบัดดล โดยที่โด่งดังที่สุดคือกรณี ของครอบครัว ของจอร์จ ลัทซ์ก็อาศัยอยู่บ้านหลังนี้และพบเหตุการณ์ประหลาดแทบทุกคืนไม่ว่าจะเป็น เสียง รอยเท้า ผีอำ ฯลฯ จนครอบครัวนี้ทนไม่ไหวจนต้องย้ายบ้านในเวลา และเรื่องราวเหล่านี้ได้ถูกสร้างเป็นภาพยนตร์โด่งดังหลายเรื่อง
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiblair416. The Blair Witch Project 
  • ตำนานแม่มดแห่งเมืองเบลล์เป็นใน ตำนานเมืองที่ปรากฏในภาพยนตร์ The Blair Witch Project เป็นภาพยนตร์ในแนวสารคดี ความยาว 86 นาที ออกฉายในปี ค.ศ. 1999 และเข้าฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ปีเดียวกัน ในชื่อสอดรู้ สอดเห็น สอดเป็น สอดตาย โดยเนื้อหาเป็นการถ่ายแบบกล้องวีดีโอเคลื่อนฟิล์ม 16 มม โดยเทปบันทึกไว้เมื่อ ในวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1994 โดยนักศึกษา 3 คน ประกอบไปด้วย ฮีเธอร์  , โจซัว , ไมเคิล ได้เข้าไปในป่าแบล็กฮิลล์ มลรัฐแมรี่แลนด์ เพื่อถ่ายทำภาพยนตร์สารคดีเรื่องแม่มดเบลล์ อันเป็นตำนานความเชื่อของคนพื้นถิ่น  หากแต่ในเวลาต่อมาทั้งสามกลับหายตัวไปอย่างลึกลับ
  • จากนั้นหนึ่งปีให้หลัง หลักฐานต่าง ๆ ก็ถูกค้นพบ ไม่ว่าจะเป็นตลับฟิล์ม กล่องฟิล์ม กล้องขนาด 8 มม. และขนาด 16 มม. ซึ่งถ่ายทำวันที่ทั้งสามหายตัวไป และเมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายก็เกิดกระแสทำให้คนเชื่อว่าเรื่องภาพยนตร์ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง หากแต่ความจริงแล้วเนื้อหาในภาพยนตร์ทั้งหมดเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น โดยโฆษณาว่าเป็นเหตุการณ์จริงเพื่อกระตุ้นรายได้ภาพยนตร์ ผลก็คือมันได้ผลเพราะหนังประสบผลสำเร็จอย่างงดงาม
  • ความจริงแล้วตำนานแม่มดแห่งเมืองเบลล์นั้นเป็นเรื่องจริง เป็นตำนานเมืองของป่าแบล็กฮิลล์ มลรัฐแมริแลนด์ ที่ว่ากันว่าป่าแห่งนั้นมีแม่มดหรือหญิงชราวิกลจริตอาศัยอยู่ที่นั่นและมัก ปรากฏตัวให้ผู้คนที่เข้ามาในป่าแห่งเสมอ และบางครั้งอาจมาในสภาพครึ่งคนครึ่งสัตว์ประหลาด โดยมีข่าวลื่อมากมายว่ามีเด็กหายไปในป่าแห่งนั้นหลายราย บางรายก็ปรากฏตัวออกมาในสภาพเป็นศพที่ถูกคว้านไส้พุงออกมาอย่างหมดจด
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
17. Babysitter Upstairs
  • เป็นเรื่องเล่าที่ฮิตของอเมริกาตลอดกาลที่เกี่ยวกับหญิงสาวที่รับเลี้ยง เด็กเวลาพ่อแม่ไม่อยู่บ้านในตอนกลางคืน โดยเฉพาะคืนนั้นเป็นคืนที่มีพายุหนัก และบ้านที่รับจ้างขนาดใหญ่ที่ว่าจ้างให้เธอรับเลี้ยงเด็ก และเมื่อเด็กนอนหลับเธอก็เริ่มได้รับโทรศัพท์แปลกโทรมา เมื่อเธอรับ เธอตกใจมากเมื่อปลายสายบอกว่าเขาจะมารับเธอ ด้วยความตกใจเธอเรียกตำรวจ ไม่กี่นาทีต่อมาตำรวจก็มาถึง ตำรวจเรียกเธอเพื่อบอกสิ่งที่พวกเขาสืบ โดยพวกเขาบอกเธอว่าสายมาจากภายในบ้าน และบางทีมันอาจจะอยู่ข้างบนบ้านแต่กระนั้นจะการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ก็ไม่ พบคนแปลกหน้าอยู่ในบ้านเลยสักคน และนี้คือหนึ่งในเรื่องที่นิยมจนถูกนำไปทำภาพยนตร์สยองขวัญในเวลาต่อมา
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaithree-men-a-baby-ghost-large-ted-danson-urban-legend18. Three men and baby
  • เป็นภาพยนตร์ที่ฉายในปี 1987 (มีการรีแม็กใหม่ แต่มันก็สู้ของเดิมไม่ได้เพราะมันไม่ถ่ายติดผี )  โดยเนื้อหาเป็นเรื่องราวของสามหนุ่มที่อาศัยอยู่ด้วยกันในอพาร์ทเมนท์ที่ ต้องเลี้ยงดูเด็กทารกที่ถูกนำมาทิ้งที่หน้าบ้านอย่างไม่คาดฝัน ภาพยนตร์นี้ดังมาก หากแต่ที่ดังเพราะเนื้อหาหรือการแสดงของตัวละครในเรื่อง แต่ดังตรงที่มีฉากหนึ่งมีสิ่งที่ไม่พึ่งปรารถนาติดมาด้วย
  • ฉากที่ว่าเป็นช่วงเกือบสุดท้ายของภาพยนตร์ เป็นฉากที่ แจ๊ค โฮลเด้น ( Ted Danson ) และแม่ของเขา ( Celeste Holm ) กำลังเดินไปหาทารกน้อยที่อยู่บนเตียงนอนให้สังเกตว่าตอนที่เดินนั้นมีปืนลูก ซองอยู่ที่หน้าต่างที่มีผ้าม่านด้านซ้าย(ภาพเร็วมาก) จากนั้นเมื่อทั้งสองไปถึงทารกน้อย แม่ของเขาก็จับทารกขึ้นมาอุ้ม(สังเกตว่าด้านหน้าของฉากมีพระพุทธรูปไทยตั้ง อยู่) จากนั้นแม่ของเขาก็อุ้มเด็กเดินกลับมาที่หน้าต่างที่มีปืนลูกซองวางยู่ จากนั้นให้สังเกตฉากที่หน้าต่างซ้ายมือที่ตอนแรกมีปืนลูกซองวางอยู่ตอนแรก ได้หายไปและกลับกลายเป็นว่ามีเด็กชายแปลกหน้าลึกลับใส่เสื้อสีขาวและกางเกง สีดำกำลังยื่นอยู่หลังม่านติดมาด้วยแทน!!(ปรากฏตัว 40 วินาทีในหนัง) หลังจากภาพยนตร์เรื่องนี้ฉายก็สร้างความฮื่อฮ่าต่อฝูงชนมาก และทีมงานภาพยนตร์ก็ยื่นยันว่าโดยที่ถ่ายทำฉากที่ว่าไม่มีคนนอกที่ไหนเข้ามา ในกล้องเด็ดขาด นอกจากนักแสดงในฉากนั้น  และเมื่อเรื่องนี้หาคำตอบไม่ได้ทำให้เรื่องนี้โด่งดังในฐานะตำนานเมืองในปี 1990 โดยเล่ากันว่าเป็นลูกชายเจ้าของบ้านที่ถ่ายทำภาพยนตร์ที่ฆ่าตัวตายเพราะปืน ลูกซองที่เอามาเล่นจนเกิดอุบัติเหตุลั่นใส่จนเสียชีวิต บางก็ว่าเป็นเด็กตกตึกตายเมื่อหลายปีก่อน แต่กระนั้นหลังจากผีในภาพยนตร์เรื่องนี้โด่งดังก็มีผีอีกจำนวนมากที่ถูกฝ่าย ติดในกล้องวีดีโอ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiimages (5)19. The Hook
  • เป็นตำนานที่โด่งดังในช่วง 1940 เกี่ยวกับการการเตือนเกี่ยวกับหนุ่มสาวที่ร่วมรักกันในรถข้างทางเปลี่ยว และเรื่องเล่านี้ก็กลายเป็นจริงอีกด้วย
  • เรื่องราวมีอยู่ว่ามีหนุ่มสาวคู่หนึ่ง เป็นผู้ชายหล่อและสาวเป็นเชียร์ลีดเดอร์ผมสีบลอนด์ พวกเขาเป็นแฟนกัน และ ตอนนั้นทั้งคู่กำลังขับรถกินลมชมวิว ฟังเพลงโรแมนติกอยู่ และด้วยบรรยากาศเป็นใจทั้งคู่เกิดอารมณ์ ทั้งคู่จูบอย่างดูดดื่ม และมีความรู้สึกอยากร่วมรัก ทั้งคู่เลยคิดจะจอดรถทางเปลี่ยวที่ไหนสักแห่งเพื่อทำกิจที่ว่า ในระหว่างที่ พวกเขากำลังหาที่เปลี่ยวนั้นเอง เพลงโรแมนติกก็หยุดลงพร้อมกับข่าวด่วน ว่ามีคนบ้าหนีออกมา โดยแจ้งลักษณะไปว่าให้มองหาคนผอมแห้งตัวสูงท่าทางปวกเปียกและมือซ้ายเป็นมือ ตะขอ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaipeyton-crime-scene-car-900
  • หญิงสาวกลัวข่าวนั้นเธอขอฝ่ายชายให้พาเธอกลับบ้าน แต่ฝ่ายชายบอกว่าไม่ต้องกลัว ฆาตกรที่ว่านั้นอยู่ไกลเกินกว่าจะมาที่นี้ได้ และเมื่อถึงที่เหมาะ ทั้งสองก็ร่วมรักกัน เมื่อเวลาผ่านไป ทันใดนั้นเองหญิงสาวได้ยินเสียงขูดนอกรถ เสียงได้ดังใกล้เข้ามา หญิงสาวเริ่มรู้สึกกลัวเธอบอกให้แฟนหยุดกิจกรรม แต่แล้วเสียงก็เงียบไป ทั้งคู่หันๆไปที่ด้านหลังรถก็ไม่พบอะไรที่ผิดปกติ แต่หญิงสาวกังวลเธอเลยบอกแฟนหนุ่มออกรถหนีไปจากที่นี้ซะ แฟนหนุ่มเลยต้องออกรถตามหญิงสาวขอ และเมื่อทั้งคู่ไปสถานที่ปลอดภัย ก็พบว่าที่ประตูรถของพวกเขามีมือตะขอเกี่ยวอยู่ (นอกจากนี้เรื่องนี้อาจมีการเพิ่มเรื่องสยองขวัญขึ้น เช่น ระหว่างที่แฟนหนุ่มกำลังพูดหญิงสาวเรื่องได้ยินเสียงขูดอยู่นั้น ทันใดนั้นเธอก็สะดุ้งเมื่อได้เห็นตะขอปลายแหลมคลั่งได้ผลักประตูรถ คนบ้าฆาตกรมือตะขอกำลังอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว  และแล้วประตูรถก็เปิดออกมันใช้ตะขอเกี่ยวแฟนหนุ่มของเธอออกนอกรถ หญิงสาวกรีดร้องและปิดประตู แล้ตั้งสติออกรถทันทีโดยไม่ทันไปมองแฟนหนุ่มของเธอและเมื่อเธอกลับมาถึงบ้าน เธอก็พบว่าประตูจับรถนั้นเปื้อนเลือด มันเป็นเลือดของแฟนหนุ่มนั่นเอง)
  • และนี้คือเรื่องเล่าในตำนานที่ถูกไปสร้างภาพยนตร์มากมาย อีกทั้งยังกลายเป็นจริงอีกด้วย เมื่อฆาตกรเช่น ฆาตกรจักรราศี (Zodiac Killer) ฆาตกรต่อเนื่องซึ่งก่อเหตุในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ในแถบพื้นที่ทางตอนเหนือของรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือจะเป็นฆาตกรล่องหน (Phantom Killer) ฆาตกรต่อเนื่องที่เชื่อว่าเขาได้ฆ่าคนจำนวนหนึ่งในเขตมหานครเท็กซาร์คานา ระหว่างวันที่ 23 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 4 เมษายน 1946 ที่ฆาตกรสองรายล้วนชอบฆ่าหนุ่มสาวที่คิดจะร่วมรักในรถทางเปลี่ยวทั้งสิ้น
 27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
20. The Automatic 4.0
  • เป็นหนึ่งในตำนานเมืองที่เป็นเรื่องเล่าของมหาวิทยาลัยเขตตั้งแต่ปี 1970 และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์และซีรีย์อเมริกาเรื่อง Dead Man on Campus 1998 (ภาพยนตร์ห่วยได้คะแนน 15% ของมะเขือเทศเน่า) โดยเล่ากันว่าหากในโรงเรียนหรือมหาลัยแห่งใดมีเด็กนักเรียนเพื่อนร่วมฆ่าตัว ตายปัจุบันทันด่วน จะได้รับเกรดเฉลี่ย 4.0 ของภาคเรียนการศึกษาโดยอัตโนมัติทันที ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการปลิดชีพของวิทยาลัย(ใจดีพิลึก) ตำนานนี้มีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยในเวลาต่อมาเช่นเกิดฆาตกรรมหรืออุบัติเหตุ แต่ยึดหลักพื้นฐานของเพื่อนร่วมห้องตาย= เกรดดีทั้งหมด(หมายถึงเกรด A นะไม่ใช้ D) แน่นอนเรื่องนี้ไม่เป็นจริงแน่นอนและเชื่อว่าที่มานั้นมาจากการเล่าเล่นๆเอา ตลกของนักศึกษา
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
21. Mr. Rogers Was a Navy Seal
  • เฟร็ดโรเจอร์ส(1928-2003) เป็นชาวอเมริกันนักแต่งเพลงและผู้จัดรายการโทรทัศน์ Mister Rogers’ Neighborhood รายการเด็กที่ฮิตในช่วง 1968-2001 ด้วยบุคลิกเป็นคนอ่อนโยนเสียงเบาอ่อนหนุ่มและความตรงไปตรงมาทำให้หลายคนต่าง ติดใจรายการของเขา และเขาพยายามเรียกร้องรัฐบาลให้สนับสนุนรายการเด็กมากกว่าจะไปทำสงคราม เวียดนาม โดยจุดเด่นของเขาก็คือการรวมเสื้อแขนยาวสีแดงแล้วไปปรากฏตัวในรายการ โทรทัศน์อยู่เสมอ และเนื่องด้วยช่วงที่เขาทำรายการเป็นช่วงสงครามเวียดนามพอดี จึงข่าวลือว่าเขาเป็นเครื่องจักรสงหารในสงครามเวียดนาม ที่ว่ากันว่าเขาฆ่าพวกเวียดกงเป็นจำนวนมาก  สามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่า จนเขามีบาดแผลเต็มตัวจนต้องสวมเสื้อแขนยาวปกปิดบาดแผลและปกปิดรอยสักสุดโหด นี้เอาไว้แม้ว่าอากาศจะร้องเพียงใดก็ตามซึ่งข่าวลือนี้ไม่เป็นจริงเพราะ ประวัติเขาเปิดเผยแล้วว่าเขาไม่เคยทำหน้าที่ทางการทหารใดๆ มาก่อนเลย หากข่าวลือก็เริ่มขึ้นอีก ในปี 1990 ว่าเขาเป็นทหารในสงครามเกาหลี
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhai
22. Bloody Mary
  • บลัดดี้ แมรี่ เป็นผีหรือแม่มด เป็นตำนานพื้นบ้าน(ช่วงปี 1970) ที่รู้จักกันอย่างกว้างขวาง เป็นพิธีที่มักทำเล่นกันในห้องน้ำที่มืดๆ โดยการเรียกเธอสามครั้ง(หรือหลายครั้ง แต่ความเชื่อปัจจุบันบอก 13 ครั้ง)และความเชื่อนี้พิธีกรรมการละเล่นหลายแบบ แต่โดยรวมๆ คือต้องเข้าไปในห้องน้ำ ปิดไฟและยืนกระจกในที่มืด และเรียกชื่อของเธอสามครั้ง แต่ตอนนี้จะต่างตรงที่อาจมีอะไรเสริมเข้ามา เช่นต้องสวดมนต์ร้อยครั้ง. ต้องเที่ยงคืน, น้ำไหล, ใช้เทียนไข และแมรี่จะปรากฏในกระจกเป็นผีผู้หญิงลางๆ บางทีกระจกจะกลายเป็นสีแดง หรือมีเสียงกรีดร้อง โดยประวัติของแมรี่นั้นค่อนข้างหลากหลายบางคนบอกว่าเธอเป็นแม่มด, หญิงที่สูญเสียลูกจนต้องฆ่าตัวตาย หรือเป็นฆาตกร  เป็นต้นและตำนานของเธอก็ถูกดัดแปลงมากมาย เช่น เป็นพิธีทดสอบความกล้าหากยอมแพ้แมรี่จะเอาชีวิต หรือเป็นรูปแบบพยากรณ์อย่างเช่นปอกแอปเปิลหน้ากระจกตอนเที่ยงคืน ร้องเพลงในคืนพิเศษแล้วมองผ่านกระจกอย่างเร็วๆจะเห็นหน้าของเนื้อคู่ลางๆ เป็นต้น
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiwa_2201938b
23. Walt Disney Is Cryogenically Frozen
  • เคยดูภาพยนตร์ซีรีย์เรื่องหนึ่งใน CN ไหมครับ ที่เด็กชายคนหนึ่งได้รับอุบัติเหตุจนต้องมีการผ่าตัดเปลี่ยนสมอง โดยสมองที่มาเปลี่ยนนั้นเป็นสมองเจ้าของสวนสนุกที่นำถูกนำมาแช่เย็นเก็บ รักษาเอาไว้ และเมื่อทำการเปลี่ยนเขาก็พบว่าเขาสามารถเห็นตัวการ์ตูนในจินตนาการที่มีแต่ เขาที่มองเห็นได้(จำชื่อเรื่องไม่ได้ครับใครก็ได้ช่วยบอกที)
  • เรื่องนี้มาจากเรื่องเล่าในตำนานของวอลต์ ดิสนีย์ ผู้กำเนิดมิกกี้เมาส์และพรรคพวก โดยมีเรื่องเล่าของเขาว่าเป็นหลังเขาตาย ได้มีคนนำศพของเขา(หรือสมองของเขา)แช่แข็งไว้ด้วยเทคโนโลยี Cryonics ด้วยความหวังว่าเทคโนโลยีในอนาคตจะสามารถนำเขากลับมามีชีวิตได้ โดยที่มาของตำนานนี้มาจากวันที่เขาตายเมื่อปี 1966 ไม่มีงานศพ(มีการเปิดเผยในเวลาต่อมาว่าเขาร้องขอไม่ให้มีงานศพ) ไม่เปิดเผยสาเหตุการตาย(มีการเปิดเผยความจริงในเวลาต่อมาว่าเขาตายด้วยโรค มะเร็งปอด) อีกทั้งด้วยความมีชื่อเสียงและนักประดิษฐ์เขาชอบเรื่องไซไฟ นำไปสู่การสร้างตำนานอันยาวนานนี้
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaisecuredownload-725. The Sewer Alligator
  • จระเข้ในท่อระบายน้ำ เป็นเรื่องเล่าที่โด่งดังในปี 1920 และ 1930 โดยเป็นเรื่องของจระเข้ที่อาศัยในท่อระบายน้ำแห่งมหานครนิวยอร์ก โดยเรื่องเล่านี้เล่าสืบทอดกันมาไม่ขาดสาย และไม่ปรากฏแห่งที่มา โดยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครอบครัวหนึ่งรวยมากกลับมาจากการพักร้อนในฟลอริดา และไม่สนใจกฎหมายในนิวยอร์ก พวกเขาได้ซื้อสัตว์เลี้ยงเป็นของขวัญให้เด็ก โดยเป็นจระเข้ และเลี้ยงมันในห้องน้ำ ปรากฏว่ามันโตขึ้นดุร้ายขึ้นจนพวกเขาเลี้ยงไม่ไหวและเกรงว่าจะเป็นอันตราย กับคนในครอบครัว พวกเขาเลยทิ้งมันในท่อระบายน้ำอุจจาระโยทิ้งที่ท่อคอห่าน
  • แต่ปรากฏว่ามันไม่ตายและรอดชีวิตจากการกินหนูและขยะ มันเจริญเติบโตจนมีขนาดใหญ่อย่างน่ากลัว และวันดีคืนดีมันจะโผล่หัวออกมาจากท่อระบายน้ำอุจจาระเข้ามางับหรือทำ อันตรายต่อผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา(นอกจากนี้มันยังมีเรื่องเล่าเสริมอีกว่ามัน เป็นจระเข้เผือกเพราะว่ามันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่สัมผัสแสงแดด และสูญเสียการมองเห็น และบางที่ก็เล่าว่าเป้นจระเข้ที่หลุดออกจากสวนสัตว์) ในปี 1930 มีหนังสือพิมพ์ออกมาเขียนว่าพบจระเข้ในรอบนิวยอร์กและมีบางคนอ้างว่าเห็น ตำรวจเดินลงเข้าไปท่อระบายน้ำพร้อมอาวุธล่าสัตว์ แม้เรื่องนี้จะเป็นจริงหรือไม่ก็ตามแต่กระนั้นท่อระบายน้ำในมหานครนิวยอร์ก ถือได้ว่าเป็นสถานทีน่ากลัวที่ไม่มีใครอยากลงไปอยู่ดี
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiดาวน์โหลด (1)
26. The Vanishing Hitchhiker
  • เป็นหนึ่งในตำนานที่เก่าแก่ที่และฮิตที่สุดในช่วงปี 1981 ไม่เพียงแต่อเมริกาเท่านั้นยังเป็นหลายประเทศทั่วโลกด้วย  อาจจะแตกต่างไปบ้างในบางพื้นที่ แต่ส่วนหลักๆ เหมือนกัน เกี่ยวกับผีผู้หญิงที่ชอบโบกรถ โดยเล่ากันว่าหากคืนมีคนกำลังขับรถในถนนที่ร้างผู้คน จู่ๆ เขาจะเห็นผู้หญิงสาววัยรุ่น กำลังโบกรถอยู่ข้างทางตามลำพัง เขาจึงแวะรับเธอขึ้นรถมาด้วย และเมื่อถึงจุดหมายปลายทางที่หญิงสาวต้องการ เมื่อเขาหันไปเพื่อบอกลาเธอ เธอก็หายตัวไปอย่างลึกลับจากเบาะหลัง ด้วยความสับสน เขาเลยกดออดที่หน้าบ้านของเธอ เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว
  • ก็พบว่าหญิงสาวที่ว่านั้นได้รับอุบัติเหตุรถยนต์ตายก่อนหน้าแล้วที่จุด ที่เขารับรพเธอในขณะที่เธอพยายามกลับบ้าน ล่ะหญิงสาวที่เขาเจอก็คือผีนั่นเอง และเรื่องเล่านี้อาจมีหลายส่วนที่เปลี่ยนไปบ้าง เช่น กลางคืนที่ว่าอาจฝนตก และตัวหญิงสาวอาจตัวเปียกปอน เขาจึงให้เธอยืมเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาให้กับเธอและเมื่อถึงบ้านที่หมาย(บางที่ ก็เป็นสุสาน) เธอกลับหายไปพร้อมกับเสื้อแจ็คเก็ตของเขา ด้วยความข้องใจ ชายคนนั้นจึงลงจากรถไปเคาะประตูบ้านหลังนั้น  ก็พบว่าเธอได้เมื่อ 10 ปีมาแล้ว และเมื่อวันรุ่นขึ้นเขาไปหลุมฝังศพของเธอก็พบเสื้อแจ๊คเก็ตของเขาวางพับ ประณีตเรียบร้อยอยู่หน้าหลุมฝังศพของเธอ
27 เรื่องเล่าลี้ลับ ตำนานต่างประเทศ teen.mhaiดาวน์โหลด (2)27. The Kidney Heist
  • เป็นตำนานที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ รายการโทรทัศน์ และภาพยนตร์ โดยสมมุติว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1997 มีอาชญากรรมรูปแบบใหม่ที่น่ากลัวออกอาละวาดในเมือง โดยเหยื่อส่วนใหญ่เป็นหญิงสาวหรือนักเดินทางที่กำลังผ่อนคลายโดยไปที่ร้าน หรือบาร์เพื่อดื่มกินเครื่องดื่ม และระหว่างดื่มกินจะมีคนแปลกหน้ามาพูดคุยทำความสนิทสนมและคนแปลกหน้าจะเอา เครื่องดื่มให้เหยื่อคนนั้นดื่ม หลังจากนั้นเหยื่อคนนั้นจะเกิดอาการมึนงง และง่วงนอน จนหมดสติไป ก่อนที่จะตื่นขึ้นในอ่างน้ำที่เต็มไปด้วยน้ำแข็งที่ห้องพักโรงแรมหรือบ้าน ร่างแห่งหนึ่ง
  • และมีโทรศัพท์อยู่ถัดไปและเมื่อเหยื่อโทร 911 แพทย์ก็มาถึงก็พบว่าที่ร่างกายของเหยื่อมีรอยผ่าตัดและตรวจสอบอย่างละเอียด พบว่าไตถูกขโมยไป และไตที่ว่านั้นได้ถูกนำไปขายในตลาดขายอวัยวะมืดในราคาแพงลิบลิ่ว และนี้คือตำนานเมืองที่หลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงจนถึงขั้นมีการร้อง เรียนต่อมูลนิธิไตแห่งชาติว่าควรตรวจสอบไตว่าไตไหนเป็นไตที่ถูกขโมยมา และเรื่องขโมยไตนี้ก็โด่งดังในประเทศไทยด้วย โดยเนื้อหาเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยไปรักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ทำการผ่าตัด และผู้ป่วยก็พบว่าไตหาย เป็นต้น
เรียบเรียง teen.mthai อ้าอิง Cammyatcloud

7 สิ่งที่รุ่นพี่ไม่เคยสอนตอนรับน้อง


ท่ามกลางเสียงแหกปากหน้าแถว
ของคนที่อุปโลกอำนาจให้ตัวเองนั้น
ผมสัมผัสได้ถึงความคิดซ้ำซาก
จากคนที่ปัญญาจะผ่านเทอมหนึ่งนี้ไปให้ได้
ยังเป็นเรื่องเครียด
 
รุ่นพี่ปีสองที่ไม่เคยทำงานร่วมกับใคร
มากไปกว่าเด็กม.ด้วยกันยืนว้ากน้องอยู่หน้าแถว
น้อยคนที่จะสัมผัสชีวิตในสังคมจริง ๆ ที่ไม่ใช่งานพาร์ทไทม์
แต่กลับพูดจาเหมือนผ่านโลกมาเยอะซะเต็มประดา
 
 
สิ่งที่พวกเขาพร่ำพูด
คือเรื่องความกดดันที่จะทำให้ทนทานต่อเจ้านาย
มารยาทที่ควรมีต่อคนอาวุโสกว่า
ความมีระเบียบวินัยในฐานะนักศึกษา
 
พวกเขากำลังเล่านิทาน
กำลังพูดถึงโลกที่พวกเขาไม่เคยมี
 
 
ผมไม่ได้อะไรจากการรับน้องด้วยระบบโซตัสกาก ๆ ที่ัรับมา
โดยไม่สามารถอธิบายได้มากกว่าคำว่า ทำตามกันมา
หรือคนอื่นเขาทำกันได้ ทำไมเราจะทำไม่ได้
 
 
แต่ตลอดระยะเวลาที่ศึกษาในมหาวิทยาลัย ผมได้อะไรเยอะชิบหาย
มันเป็นสิ่งที่รุ่นพี่ไม่เคยสอน ทั้งที่มันใกล้ตัวกว่าสังคมภายนอกเยอะ
สายตายาวไปนะ มองไปถึงตอนทำงานโน่น ....เอาแค่เรียนให้จบมั้ย
 
และนี่ คือสิ่งที่ผมได้เรียนรู้ระหว่างการเรียนมหา'ลัย
 
1. ตื่นเช้าเป็นลาภอันประเสริฐ
ผมเป็นคนนอนดึก เสพติดหลายอย่างจนเลยเวลานอนบ่อย ๆ
และการตื่นเช้าเป็นอะไรที่น่ารังเกียจมาตั้งแต่สมัยเรียน ม.ต้นแล้ว
การที่ต้องแหกขี้ตางัวเงีัยไปร้องเพลงชาติเป็นอะไรที่ผมไม่ยินดีจะทำที่สุด
 
ตอนเรียนปวช.ผมไม่ผ่านกิจกรรม เพราะไม่เคยมาเข้าแถวตอนเช้าเลย
 
พอขึ้นอุดมศึกษาผมก็ทำสันดานเดิม ๆ คือมาเรียนสายบ้าง ขาดคาบเช้าบ้าง
 
มันเป็นความชิบหายของชีวิต เพราะวิชาสำคัญของผมไปกองรวมกันในคาบเช้า
แค่ผมมาสายเพื่อนก็ทำควิชไปหมดแล้ว
แค่ผมมาสาย งานพรีเซนต์เดียวก็จบไปแล้ว
แค่ผมมาสาย อาจารย์สั่งงานและปล่อยกลับไปหมดแล้ว
 
การมาสายเป็นความชิบหายของชีวิต
ผมลำบากเพราะมาสายหลายครั้ง
จนเห็นความสำคัญของการมาหอบสังขารมาเรียนเช้า
 
สิ่งนี้รุ่นพี่ไม่สอน - สอนแค่ว่า มาสายไปหมอบ หงาย กางมุ้ง ลุกนั่ง อิช ๆ ๆ ๆ ใช้แรงแบบวัวแบบควายแล้วมาอ้างทีหลังว่าจุดประสงค์จริง ๆ ก็ึืคือการมาตรงเวลานะคเอะ คร้วย พูดดี ๆ ก็ได้ คนนะไม่ใช่ควายไอ้สัส
 
2. การไหว้เขาให้เกียรติตัวเราเอง
ผมเป็นคนมือแข็ง แม่ผมผมยังไม่หวัดดีเลย หวัดดีทำไมวะเจอหน้ากันทุกวัน
เลยเป็นคนไปไหนไม่เคยไหว้ใคร ถ้าแม่งไม่สำคัญจริง ๆ

แต่สังคมก็ตบหน้าผมด้วยการให้คนอื่นมาไหว้ผม

จำเป็นต้องรับไหว้กลับ เพราะการเฉยใ่ส่
เป็นอะไรที่เหี้ยมาก ซึ่งผมก็คิดแบบนั้นจริง ๆ เวลาที่ไหว้ใครแล้วแม่งเฉยใส่

แล้วพอเจอคนไหว้บ่อยเข้า ๆ ผมไหว้คนอื่นบ้าง
เพราะเริ่มคิดแล้วว่า การไหว้เป็นการให้เกียรติตัวเราเอง

จากที่เห็นคือ เขาไหว้เรา ทำให้เขามีเกียรติในสายตาเรา
น้องคนนี้ดีว่ะ น่ารักว่ะ ไหว้กูตลอดเลย
ในทางกลับกัน การที่เราไหว้คนอื่นก็ทำให้เรามีเกียรติในสายตาคนอื่นเช่นกัน

เราก็เป็นคนดีคนน่ารัก อ่อนน้อมตามขนบสังคม


แม้แต่คนงานชาวเขาชาวพม่าที่เขาไมไ่ด้เรียนมหาลัยสูง ๆ 
เขาเจอผมเขาไหว้ตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดประตูเลย แม่งโคตรดีอะ
ไม่เห็นต้องมีใครไปบังคับเลย มันเกิดขึ้นเองตามสามัญสำนึก
 
ส่วนใครที่ไม่ไหว้ เขาไม่เคร่งเรื่องนี้ เราก็เฉย ๆ กับเขา
ไม่ได้เรียกร้องความเคารพจากเขา ในเมื่อเราไมไ่ด้มีบุญคุณอะไรกับเขา
แถมบางทีเหี้ยให้เห็นด้วย จะไม่ไหว้ก็ถูกต้องแล้ว

สิ่งนี้รุ่นพี่ไม่สอน -  บังคับให้กูไหว้งก ๆ ไม่ไหว้ก็มางิดใส่
บางคนน้องมาไหว้ทำเฉยใส่ หยิ่งใส่ น้องมันจะอยากไหว้มึงมั้ย
บางคนอ้างว่าไม่ทันเห็นมั่ง ทำอย่างอื่นอยู่มั่ง
มึงไม่ใส่ใจในความเคารพแล้วจะเรียกร้องให้คนอื่นใส่ใจได้ยังไงละครับแหม่
 
 
3.ขาดเรียนหนึ่งคาบดับเป็นลูกโซ่
ผมไม่ได้เรียนคาบแรกของเช้าวันเปิดเทอม เพราะคิดว่าคงไม่สำคัญ
กลายเป็นว่าอาจารย์สั่งงานตั้งแต่คาบแรก และคายต่อไปคือการเอาชิ้นนั้นมาทำต่อยอด
 
มันชิบหายมากถ้าคุณขาดโซ่ไปข้อหนึ่ง มันทำให้ต่ออีกข้อไม่ได้ไปโดยปริยาย
ผมต้องมานั่งปั่นย้อนหลังซึ่งอาจารย์จะรับมั้ยก็เป็นสิ่งที่ต้องลุ้นยิ่งกว่าหวยออก
 
นี่แหละครับชีวิตการทำงาน คุณขาดงานขาดประชุมครั้งหนึ่ง แทบจะโบกแท็กซี่แว้นตามกันเลยทีเดียว โครงการบินไปไหนต่อไหนแล้วไม่รู้จากการแค่ประมาทไปครั้งเดียว อย่าคิดนะว่าประชุมชักช้ายืดยาดไม่คืบหน้าไม่มาสักครั้งก็ไม่ตาย ใครจะรู้เกิดจะรวบรัดเบ็ดเสร็จอนุมัติไปแล้วโดยที่เราไม่ได้รับรู้เลย มันชิบหายขนาดไหน
 
สิ่งนี้รุ่นพี่ไม่เคยสอน - รุ่นพี่สอนแค่ว่า ใครไม่มารับน้อง!! คุณไม่รักเพื่อนใช่มั้ย!!!
แล้วก็ด่าคนที่ไม่มาให้คนที่มาฟัง เพื่ออออออ ไม่เห็นมีใครบอกเลยว่า
มาเรียนสายจะชิบหายกว่าที่คิด ขาดเรียนไปคาบดับจนตัวตาย
แค่พูดอธิบายให้ดูฉลาด ๆ สมเป็นรถ่นพี่หน่อย ไม่ต้องเอามาฝึกในกิจกรรมรับน้องก็ได้
เดี๋ยวแม่งรู้เอง แล้วซึ้งกว่าเยอะ
 
4. กฏแห่งกรรม มีอยู่จริง 
และอาจารย์คือผู้ตอบรับกฏนั้น งานไม่ส่ง
ไม่เข้าเรียน สอบคะแนนไม่ถึง
ไม่เคยมาช่วยกิจกรรมสาขาเลย
ความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฏ แดก F ไป
 
ต่อให้คุณจะไปขอร้องอ้อนวอนครูอย่างไร
ทิ้งตัวลงคุกเข่ากอดขาครูเอาไว้
ประนมสองมือขึ้นกราบกรานขอผ่านได้มั้ย
มันคงไม่มีประโยชน์และคุณต้อง F ไป
 
เหมือนผม ผมเฉียด F อย่างบ่อย

ผมนี่แทบจะกราบอาจารย์เป็นแม่อยู่แล้ว
คือผมเหลวไหล ตื่นสายไม่ไปเรียน งานไม่ส่ง
เพราะไม่ชอบวิชานี้ขี้เกียจทำ
ไปหวังเกาะบุญโปรเจคใหญ่ปลายเทอม กับการสอบเอา
สุดท้ายคะแนนไม่ถึง ต้องไปเว้าวอนอาจารย์ว่าขอแค่ผ่านได้มั้ย

ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่มีความดีพอจะไปต่อรอง
เคราะห์ดีว่าผมเป็นเด็กกิจกรรม
มาช่วยชมรมอาจารย์ตลอด
อาจารย์เลยสงสารให้ผมสอบใหม่
คือดันสุดชีวิตเพราะคะแนนหวิดไปเยอะ
 
อาจจะเหมือนใช้เส้นนะ
แต่มันเป็นแบบนี้จริง ๆ
จะบอกว่าไม่ยุติธรรมก็ไม่ได้
เพราะกว่าอาจารย์จะรักเท่าวันนี้
ก็ทุ่มเทอะไรไปเยอะเหมือนกัน
 
กฏแห่งกรรมแต๊ ๆ 
 
สิ่งนี้รุ่นพี่ไม่เคยสอน - รุ่นพี่เสี้ยมให้เกลียดชมรมอาจารย์ด้วยซ้ำ เสี้ยมให้แิอนตี้อาจารย์คนนี้่ ขุดสาวเรื่องราวสารพัดมาโจมตี แต่ผมคิดว่าแม่งไม่เกี่ยวกับผมเลยว่ะ แล้วผมก็ไมไ่ด้เข้าชมรมอาจาย์หรือไปมุทำกิจกรรมไม่ลืมหูลืมตาจนเรียนไม่จบด้วย ผมแค่ทำเท่าที่ทำได้ สบายใจสองฝ่ายก็พอ แล้วกฏแห่งกรรมรุ่นพี่ก็ไม่ได้สอนไว้ สอนแค่ว่าให้ไหว้ศาล ไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บนบานศาลกล่าวถวายตัวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำคณะ อะไรที่มันไม่มีก็ไปสร้างให้มันมี โดยที่ไม่บอกเลยว่าสุดท้ายแล้ว มึงจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ผลกรรมที่ทำไปในตลอด 4 ปี
ขยันรอด ขี้เกียจร่วง
หลักการง่าย ๆ ที่ไม่มีใครให้ความสำคัญ
 
คำว่ากฏแห่งกรรม ผมได้มาจากอาจารย์สอนวิชาประชมคมโลกตอนปีหนึ่ง
ท่านบอกว่าวิชานี้นิกเนมคือวิชากฏแห่งกรรม
และวิชานั้นผมได้ขึ้นสวรรค์ไปนอนกอด A แจ้
 
5. ทำกิจกรรมมาก ๆ จบยากจบเย็น
การศึกษาทำให้คนรู้จักงาน แต่กิจกรรมทำให้คนทำงานเป็น
จริงครับอันนี้ เพราะทำละครเวทีสักเรื่องนี้รู้เรื่องเลยนะ
ใครจะทำงานเป็นหรือเป็นตัวถ่วงวัดจากกิจกรรมกลุ่มใหญ่ ๆ นี่แหละ
 
แต่นี่ไม่ใช่ข้ออ้างที่รุ่นพี่จะเอาไว้เกณฑ์น้องมาร่วมรับน้อง
เพื่อจะช่วยดุนส้นตีนให้พี่ดูสูงขึ้นนะครับ
 
กิจกรรมในมหาลัยมีเยอะแยะหลากหลาย
อย่างที่ม.ผมก็มีชมรมทูบีนัมเบอร์วัน กิจกรรมเยอะเมิ้กกกกกกกก
แล้วท่าทางสนุกสนานทุกคนทำงานเป็น บุคลิกภาพดี สุขภาพจิตดี
แต่ผลข้างเคียงคือ ทำกิจกรรมมากเกินไปจนเบียดเวลาเรียน
มาเรียนไม่ได้ ขาดเรียนเพระาไปต่างจังหวัด วันโปรเจคใหญ่ ๆ ก็ไปช่วยงานชมรมจนไม่สามารถมาร่วไมได้
ไปฝึกงานช้ากว่าเพื่อนเพราะตรงกับช่วงไฮของชมรม
 
เด็กทูบี จากเอกผมนี่แต่ละคนจบช้าทั้งนั้น 
ไม่ใช่เพราะชมรมครับ ชมรมไม่ผิดเค้ามีระบบของเค้า
แต่เราบริหารไม่ดีเอง ทำให้ต้องเลทไปสองสามปีเลย
บางคนต้องลงเรียนใหม่ กว่าจะจบได้ มาเป็นคนเฒ่าในชั้น
 
ดังนั้นทำกิจกรรมเฉพาะหลัก ๆ ที่ควรจะำำทำก็พอครับ เช่นกิจกรรมมหาลัย
กิจกรรมคณะ กิจกรรมของสาขา เพราะนาน ๆ จะมีสักครั้ง
อย่าไปทุ่มเท่กับกิจกรรมากเกินไปเพราะหวังว่าอาจารย์จะช่วย
อาจารย์ชมรมไม่ได้สอนทุกวิชาสักหน่อยครับ
แถมบางทีโดนท่านอื่นเขม่นด้วยว่าทำกิจกรรมจนเบียดเวลาเรียน มันจะแย่เอานา
 
ผมรักงานวิทยุมาก แต่ผมต้องออกจากชมรมนักจัดรายการเพราะเรียนหนักแถมต้องทำงานจริงตอนเย็นด้วย ค่าเทอมนี่จ่ายเองนะ ก็เลยต้องทิ้งมันไป แล้วไปทำของจริงเบย แง
 
สิ่งนี้รุ่นพี่ไม่เคยสอน - เพจวิวาทะเคยควอทข้อความของรุ่นพี่คนหนึ่งมาว่า อย่าให้การเรียนมาทำให้กิจกรรมเสีย พ่องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
แถมรุ่นพี่มีสาขาผมให้คำขวัญมาด้วยนะว่า กิจกรรมดี กิจกรรมเด่น เน้นกิจกรรม
ถามว่าคนพูดว่าจะจบก็อ๊ะละอยู่....
 
6. อาจารย์คือบอสสสสส บอสคะ!!!!
ใครที่ต่อต้านอาจารย์ มึงอยู่ยากแน่ บางคนถึงกับย้ายเอกเพราะไม่ชอบอาจารย์เสียทั้งเวลาและอนาคต
ต่อให้เราจะไม่ชอบ หมั่นไส้ หรือรังเกียจแค่ไหน แต่สุดท้ายเค้าก็คือคนที่รับผิดชอบอนาคตของเรา
และส่วนหนึ่งเราก็ต้องรับผิดชอบอนาคตตัวเองด้วยเหมือนกัน มันทำให้ผมค่อนข้างจะใส่ใจในการเข้าหาอาจารย์ พูดคุยปฏิสัมพันธ์กับท่าน
 
ไม่งั้นเราจะไม่รู้ว่าท่านคิดยังไง เห็นยังไง ตั้งใจยังไง 
พอไม่รู้เราก็คิดจินตนาการไปเองว่าอาจารย์ต้องแบบนั้นแบบนี้
อาจารย์แม่งเป็นเกย์ ชอบแต่เด็กผู้ชาย อาจารย์แม่งม่อ สาว ๆ ถึงจะใส่ใจ
และความคิดสารพัดต่าง ๆนานาในแง่ลบก็จะประเดประดังถมเราไว้ใต้ดิน
จนไม่ได้โงหัวขึ้นทำอะไรให้มันพัฒนาตัวเอง
 
หรือบางคนก็เข้าใจผิด ตีสนิทอาจารย์จนเกินไปเพื่อหวังคะแนนดี ๆ อันนี้ก็ผิดนะครับ
พูดคุยพอแค่เข้าใจ ไม่ต้องไปเป็นลูกเค้าก็ได้แหม่ มันทำให้เรากลายเป็นเด็กเส้น
และอาจารย์ก็จะดูลบไปด้วย ซึ่งแย่มาก
 
สงสัยให้ถาม ทำตามอย่าบิดเบือน
อาจารย์ไม่ใช่เพื่อน แต่ก็เหมือนญาติผู้ใหญ่
สร้างสรรค์ได้แต่พอดี มีความขวนขวายฝักใฝ่
อาจารย์ก็พร้อมจะให้ จงใส่ใจในวิชา
 
เล่นตามเกมครับ แล้วจะอยู่ได้ง่าย อย่าทำตัวกบฏต่อต้านอาจารย์
 
สิ่งนี้รุ่นพี่ไมไ่ด้สอน - ผมมีรุ่นพี่สอนให้เกลียดอาจารย์ แบ่งฟากแบ่งฝ่ายและให้ร้ายไม่ซ้ำคำ โดยไมไ่ด้สำนึกเลยว่าอาจารย์คือที่สุด ความดีของท่านคือให้่วิชากับเรา อยู่ที่เราจะตักตวงได้มากแค่ไหน แต่รุ่นพี่ผมนินทาอาจารย์ ไปเรียนมั่งไม่เรียนมั่ง สุดท้ายไม่จบ ก็โทษอาจารย์คนนั้นว่าไม่ให้เกรด
 
ทั้ง ๆ ที่มีรุ่นพี่ที่แก่กว่าหลายคนสำนึกบุญคุณอาจารย์ที่แกช่วยเหลือจนเราเป็นบัณฑิตได้ในที่สุด พวกเขากลับไม่มองคุณูปการในชีวิตการศึกษาเลย
 
เออมันก็จริงนะ ที่อาจารย์บางคนก็ทำตัวกาก ๆ ไม่สมฐานะ แต่หน้าที่ของเราคือไปเรียนกับเค้า เราก็ต้องทำให้มันดีที่สุด สิ่งนี้กลายเป็นว่ามันสอนให้เรารุ้จักยอมร่วมงานกับคนที่ไม่ชอบในสถาการณ์ที่เลือกไม่ได้
 
 
แต่ถ้าเรามีตัวเลือก เราก็สามารถเรียนกับคนอื่นได้ เหมือนกับการที่เราลาออกเปลี่ยนเจ้านายนั่นเอง
 
7. เป็นบัณฑิตไม่ใช่เรื่องง่าย
 
ใครบอกป.ตรีกากจบสบาย ๆ เรียน ๆ หลบ ๆ ก็จบไปเอง ผมขอสาปแช่งให้มึงเรียนแปดปี
การจะเป็นบัณฑิตได้ผมต้องผ่านห้วงทรมาณหลายห้วงด้วยกัน และถ้าเทียบกับสาขาอื่น ๆ แล้ว
นับว่าเบากว่ามาก แต่ก็หนักแบบขุนเขาอยู่ดี
ผมมีห้วงนรกอยู่สี่ห้วง
 
1. ละครเวที
ปีสองผมเจอไอ้เหี้ยเอ๊ยกดดันบีบคันหัวใจชิบหายกว่าจะผ่านไปได้ ใช้เงินก็เยอะ ใช้เวลาก็เยอะ ดราม่าก็เยอะ หมดเรี่ยเวปลืองแรงจนไม่สนุกกับมันเลย ถือเป็นวิบากกรรมสุด ๆ แต่มันก็สอนให้เราทำงานตามหน้าที่และร่วมทีมกับคนอื่นได้ คือผมจะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าหน้าที่เป็นหน้าที่ ผมไม่ชอบการทำงานแบบจับฉ่าย ไม่ทำอะไรไปให้กำลังใจก็ยังดี ผมคิดว่ามันไร้สาระกับการที่นั่งดูเพื่อนทำงาน เราสามารถแยกไปทำแล้วก็ส่งชิ้นงานให้ได้โดยไม่ต้องมาสุมหัวกัน แต่สุดท้ายแล้วมันก็สอนให้รู้่ว่างานบางอย่างมันต้องคุยกัน ประสานงานกัน หาข้อสรุปร่วมกันตรงนั้น ไม่สามารถจะแยกย้ายทำใครทำมันได้ มันจึงเรียกว่างานกลุ่ม
 
2. โปรเจคบริษัท
อาจารย์จะให้เราสมมติบริษัทขึ้นมาและโปรดัคชั่นกันเอง นำเสนอพรีเซนต์ทำสื่อ และไปรีโนเวทร้านกาแฟ มันเป็นอะไรที่ปวดใจมากสำหรับผม คือเอามาเล่าเนี่ยมันไม่ได้ให้นรายละเอียด แต่ไปทำจริงแม่งเค้นหัวใจมาก ทั้งทำหนังสั้น ทำสปอต ทำไวนิล ไปจัดสวนแต่งร้านให้เค้าใหม่ เจ้าของร้านก็ดูไม่ค่อยจะเต็มใจให้ช่วยเพราะเค้าดีอย฿ู่แล้ว ก็ต้องไปหน้าด้านขอทำ แล้วออกมา คะแนนโคตรต่ำ ต่ำจนไม่ผ่านต้องไปกราบกรานขอสอบใหม่
เป็นอะไรที่ปวดตับมาก
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าควรร่วมทีมกับคนที่ทำงานเป็น ไม่ใช่คนที่มารวมตัวกันเพราะไม่มีที่จะไป และควรทำตัวให้มีคุณค่าและความสามารถไม่ใช่แรงงานไร้ฝีมือกระจอก ๆ ไม่งั้นจะถ่วงทีม
 
3. ฝึกงาน
การฝึกงานไม่มีอะไรยากสำหรับผม ผมจะขอบรรจุตำแหน่งที่ผมถนัดทันทีที่ผมไปฝึกงาน แล้วก็ทำหน้าที่นั้นเรื่อยไปจนจบซีซั่น แต่ความนรกอยู่ที่สารานิพันธ์จบฝึกงานที่ต้องสรุปทุกอย่างออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร และต้องถูกต้องครบถ้วนแบบเป๊ะ ผ่านด่านเยอะแยะมากมาย ตรวจแก้ซ้ำแล้วซ้ำอีก เจอข้อผิดทีละจุด ๆ แกทีละจุด เทียวไปเทียวมาบางคนเอาไปทำที่ตึกเลยก็มี
 
เพระาอาจารย์ที่อนุมิตตรวจคือเจ้าพ่อปรู๊พ เทพพิสูจน์อักษร ท่านไมไ่ด้ดูแค่คำผิด แต่ดูถึงย่อหน้าและคำบรรยายภาพด้วย คำบรรยายภาพต้องบอกว่าใครทำอะไรที่ไหนอย่างไรชัดเจน ผมนี่โดนแก้จนหมดโควต้าอะ หมดแบบทิ้งโค้งก็ยังไม่ผ่าน ต้องเลทของเลทไปอีกทีกว่าจะผ่านได้ แม่งโคตรละเอียดเลยครับทั่น นี่แหละคือสิ่งที่โคตรวิบากกรรม
 
บางคนอาจจะมองง่าย ว่าแค่ทำให้มันถูก แต่กับผมแล้วไอ้เหี้ยยยย อะไรนักหนาวะะะะะะ
 
 
4. วิจัย
ผมไม่ต้องทำทีสิสครับ แต่ต้องทำวิจัยที่ยิ่งใหญ่พอ ๆ กับทีสิส ต้องสำรวจข้อมูลจริง ทำการทดลองจริง สุ่มกลุ่มตัวอย่างจริง ติดตามผลอย่างต่อเนื่อง คำนวนค่าเฉลี่ยด้วยโปรแกรมนู่นนี่ สรุปทุกอย่างเป็นเล่มที่โคตรสมบูรณ์เพอร์เฟค ซึ่งตะเกียกตะกายมากกว่าจะผ่าน ผมติดไอ ติดจนไอเป็นเลือด กว่าจะผ่านได้
แล้วมันก็ทุกทนจนไม่อยากจะจำ ความทรงจำในการทำวิจัยเลยขาวโบ๋ ไม่สามารถแนะนำใครได้ รู้แค่ว่ามันเห้มาก อยากให้ลอง
 
นี่แค่ของผม เบาะ ๆ เบา ๆ จบออกมาได้ตามเกณฑ์ปกติ ถึงผมจะเรียนช้าแต่ผมไม่เคยซิ่วเคยดรอปเปลี่ยนสายย้ายเอก เรียนมัธยม 3 ปี อาชีวะ 5 ปี เป็นทหาร1 ปี อุดมศึกษา 4 ปี กว่าจะจบกู 25 แระ.........
แต่คนอื่นต้องเรียนหลายปี ถาปัตย์ 5 ปี เภสัชเรียน 6 ปี หมอเรียนกี่ปี....
ผ่านความทุกทนทุกวันทุกวีคจนชาชินเป็นเรื่องปกติ
 
ยิ่งถาปัตย์ช่วงโปรเจควีคนี่ทำให้คนเป็นว้อได้ง่าย ๆ เลยนะครับ
แทบจะหายเข้าห้องกาลเวลาไปเลยไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ชีวิตมีแต่งาน ๆ ๆ เต็มไปหมด
 
 
 
สิ่งเหล่านี้รุ่นพี่ไม่ได้สอน - สอนเรื่องนอกรั้วมหาลัยโน่น สอนว่าเจ้านายดุ สังคมทราม โลกอยู่ยาก บลา ๆ ๆ ทั้งที่ตัวเองก็อ๊บ ๆ ในกะลา ไม่เคยไปทำงานร่วมกับใครเลย ทำไมไม่แนะนำชีวิตในมหาลัยล่ะครับว่าต้องทำอะไรบ้าง วิชาตัวไหนเรียนยังไง อาจารย์แต่ละคนเป็นยังไง นี่เอาแต่ฝึกแถว ๆ หมอบ ๆ ลุก ๆ ยังกะนักศึกษาวิชาทหาร
มันไม่ใช่เรื่องเลยที่เราต้องจ่ายค่าเทอมแล้วมาทำอะไรงง ๆ แบบนี้
 
 
 
 
 
น่าสลดใจที่บางมหาวิทยาลัย เป็นสถาบันใหม่เพิ่งก่อตั้ง
น่าเสียดายที่บางคณะ เป็นคณะที่เพิ่งเปิด
น่าเสียดายที่บางสาขา เพิ่งใหม่แกะกล่อง

แต่กลับรับเอาวัฒนธรรมโบราณ ๆ อย่างระบบโซตัส
มาใช้ในลักษณะกดหัวรุ่นน้อง
ทั้งที่มีสิทธิ์คิดสร้างธรรมเนียมใหม่ ๆ ได้่ด้วยตัวของคุณเอง

ศักยภาพวัดกันตรงนี้แหละครับ จะสอนคนอื่นได้ ต้องเริ่มที่ตัวเอง
การกระทำมีค่ากว่าน้ำลายนะครับ
 
รุ่นพี่ทุกท่านครับ ท่านเป็นรุ่นใหม่ ถึงเวลารึยังที่จะให้อะไรใหม่ ๆ กับรุ่นน้ิอง
อย่าให้เป็นเหมือนสิ่งที่ผมเจอมา ผมไมไ่ด้บอกว่าทุกสถาบันเป็นแบบผมหมด
แต่รูปแบบไม่ค่อยแตกต่างกันเลยนะครับ 

100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012 (100 best schools in the country in 2012.)

100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012

จัดอันดับต่างประเทศไปมาแล้วคราวนี้มาร่วมกันจัดอันดับความเป็นที่สุดของประเทศไทยกันบ้าง ที่สุดในโลกขอนำเสนอ 100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012 ซึ่งลำดับโรงเรียนในประเทศไทยที่ดีที่สุดโดยวัดจากผลเอนทรานซ์ โควตารับตรงโอลิมปิกวิชาการ
มาดูกันว่ามีโรงเรียนไหนที่ติดอันดับบ้าง
1. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
2. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
3. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
4. โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)
5. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
6. โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง
7. โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา
8. โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
9. โรงเรียนอัสสัมชัญ
10. โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
11.โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
12.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จ.อุดรธานี
13.โรงเรียนสตรีวิทยา
14.โรงเรียนเทพศิรินทร์
15.โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี
16.โรงเรียนสาธิต ม.เชียงใหม่
17.โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่
18.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช
19.โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จ.เชียงราย
20.โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
21.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
22.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
23.โรงเรียนนครสวรรค์
24.โรงเรียนหอวัง
25.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
26.โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
27.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
28.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น
29.โรงเรียนสตรีวิทยา2
30.โรงเรียนพิริยาลัย จ.แพร่
31.โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
32.โรงเรียนสาธิต ม.ขอนแก่น
33.โรงเรียนพรหมานุสรณ์ จ.เพชรบุรี
34.โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย
35.โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง
36.โรงเรียนสาธิต ม.สงขลานครินทร์ จ.ปัตตานี
37.โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
38.โรงเรียนโยธินบูรณะ
39.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี
40.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
41.โรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูน
42.โรงเรียนนารีรัตน์ จ.แพร่
43.โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
44.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จ.นนทบุรี
45.โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
46.โรงเรียนสุรนารีวิทยา จ.นครราชสีมา
47.โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา
48.โรงเรียนศึกษานารี
49.โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จ.พิษณุโลก
50.โรงเรียนสาธิต มศว.ประสานมิตร
51.โรงเรียนสตรีศรีน่าน จ.น่าน
52.โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย
53.โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี
54.โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนด์
55.โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา
56.โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม
57.โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ
58.โรงเรียนสิรินธร จ.สุรินทร์
59.โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.สตูล
60.โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
61.โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล
62.โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)2
63.โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
64.โรงเรียนชลราษฎรอำรุง
65.โรงเรียนดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
66.โรงเรียนพัทลุง
67.โรงเรียนพิษณุโลกวิทยาคม
68.โรงเรียนลำปางกัลยาณี
69.โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย
70.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ บดินทรเดชา
71.โรงเรียนสุรวิทยาคาร จ.สุรินทร์
72.โรงเรียนเซนต์โยเชฟคอนแวนด์
73.โรงเรียนบูรณะรำลึก จ.ตรัง
74.โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม
75.โรงเรียนสารคามวิทยาคม จ.มหาสารคาม
76.โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
77.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
78.โรงเรียนระยองวิทยาคม
79.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.จันทรบุรี
80.โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม
81.โรงเรียนทวีธาภิเศก
82.โรงเรียนชลกันยานุกูล
83.โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฎนครปฐม
84.โรงเรียนมารีย์วิทยา จ.นครราชสีมา
85.โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
86.โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.มุกดาหาร
87.โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม
88.โรงเรียนสายน้ำผึ้ง
89.โรงเรียนเบญจมราชาลัย
90.โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
91.โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา
92.โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี
93.โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร
94.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี
95.โรงเรียนสตรีราชินูทิศ จ.อุดรธานี
96.โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
97.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช
98.โรงเรียนสาธิต(พิบูลย์บำเพ็ญ) ม.บูรพา
99.โรงเรียนวิสุทธังษี จ.กาญจนบุรี
100.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

มีโรงเรียนเก่าของคุณติดอันดับมาบ้างหรือเปล่า
ขอบคุณที่มาจาก matichon.co.th 

หน้าเว็บ

เรื่องราวย้อนหลัง

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

- Copyright © 2013 http://12345ohho.blogspot.com.Metrominimalist- Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -