Archive for พฤษภาคม 2013

ต้นไม้มงคล 9 อย่าง ปลูกแล้วรวย

ต้นไม้มงคล 9 อย่าง ปลูกแล้วรวย


                                        
อีกวิธีหนึ่งที่จะเรียกเงินทองเข้าบ้าน ตามความเชื่อโบราณนานปี คือ การปลูกต้นไม้ที่ชื่อ เป็นสิริมงคล เป็นชื่อที่เสริมทรัพย์
1. โป๊ยเซียน ดอกไม้มงคล ที่คนโบราณถือว่า หากปลูกไว้หน้าบ้านแล้ว จะมีโชคลาภ เชื่อกันว่า โป๊ยเซียนเป็นต้นไม้ของเทพเจ้า 8 องค์ และหากผู้ใดปลูกโป๊ยเซียนแล้วออกดอก 8 ดอก จะทำให้ผู้นั้นมีโชคลาภเข้ามา
                                 

2. ดอกดาวเรือง สีเหลืองทองอร่ามของดอกดาวเรือง เปรียบเสมือน เงินทองเต็มบ้าน ปลูกต้นดาวเรืองไว้หน้าบ้าน หรือบริเวณบ้านให้ออกดอกเยอะๆ ยิ่งเสริมให้มีโชภลาภ กิจการก้าวหน้า
                                                            
3. ต้นเงินเต็มบ้าน ถิ่นกำเนิดอยู่ที่ประเทศฟิลิปปินส์ แต่นิยมนำมาปลูกไว้ที่บ้าน เสริมความเป็นมงคล ความเจริญรุ่งเรืองให้กับชีวิต หน้าที่การงาน และมีเงินทองกองเต็มบ้านอีกด้วย
                                                        
4. ว่านเศรษฐีกอบทรัพย์ ถือเป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากใบม้วน ดอกออกมาก เชื่อว่าดวงชะตาของผู้ปลูกจะดี เจริญก้าวหน้า แต่ในทางกลับกัน หากเหี่ยวเฉา หมายถึง ชะตาชีวิตของผู้ปลูกจะตกต่ำ อับเฉา
                                                       
5. กวนอิมทอง เป็นต้นไม้ที่นิยมนำมาใช้ในพิธีกรรมและศาสนา ความเชื่อโบราณ เชื่อว่า หากปลูกกวนอิมทองแล้ว ทองจะหลั่งไหลเข้าบ้าน มีเงินใช้ไม่ขาดมือ  ชีวิตจะมั่งมีศรีสุข
                                                            
6. เงินไหลมา เมื่อปลูกแล้ว จะได้ผลตามชื่อ คือเงินจะไหลมาเข้าบ้าน  ทำกิจการหรือธุรกิจใดๆก็จะมีกำไร ได้รับการอุปถัมภ์จากผู้ใหญ่ เป็นที่รักใคร่ของผู้พบเห็น ควรปลูกในวันอังคาร ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้
                                                             
7. ว่านรวยไม่เลิก ไม้ประดับที่สามารถปลูกในที่ร่มได้ ไว้บนโต๊ะทำงาน หรือปลูกประดับในบ้านได้ เป็นต้นไม้ที่มีความหมายตามชื่อ คือเมื่อปลูกแล้วจะรวยตลอดไป
                                                    
8. กระบองเพชร คนไทยนิยมปลูกกระบองเพชรไว้ในบ้าน เพราะมีความเชื่อว่า จะทำให้กิจการก้าวหน้า หน้าที่การงานเลื่อนตำแหน่งเร็ว จะมีโชคลาภมาสู่คนในครอบครัว
                                                   
9. ต้นนางกวัก บ้านใดที่ปลูกต้นนี้ จะเหมือนมีนางกวัก มากวักเงิน กวักทอง กวักสิ่งดีดี เข้าสู่บ้าน ทำให้เงินทองไหลมาเทมา โชคลาภไม่ขาดสาย ค้าขายดี มีกำไร                   
                                                   
ที่มา : www.thaihomeonline.com

20 อันดับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในไทย 2012

เห็นหรือยัง? 20 อันดับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในไทย 2012

20 อันดับ .. “เศรษฐีที่รวยที่สุดในประเทศไทย ประจำปี 2555″
ใครๆก็อยากรวย แต่จะรวยได้ต้องมีความพยายามให้มาก แต่ถ้าจะรวยให้ได้ระดับประเทศละก็ท่านต้องดูพวกเขาเหล่านี้ไว้เป็นตัวอย่าง รวยกันจริงๆ
1. ธนินท์ เจียรวนนท์ (เครือเจริญโภคภัณฑ์) ทรัพย์สิน 279,000 ล้านบาท
2. ตระกูลจิราธิวัฒน์ (เครือเซ็นทรัล) ทรัพย์สิน 213,900 ล้านบาท
3. เจริญ ศิริวัฒนภักดี (เบียร์ช้าง) ทรัพย์สิน 192,200 ล้านบาท
4. ตระกูลอยู่วิทยา (กระทิงแดง) ทรัพย์สิน 167,400 ล้านบาท
5. กฤษณ์ รัตนารักษ์ (ผู้ถือหุ้นใหญ่ของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ปูนซีเมนต์นครหลวง ฯลฯ) ทรัพย์สิน 96,100 ล้านบาท
6. จำนงค์ ภิรมย์ภักดี และครอบครัว (บุญรอดบริเวอรี่) ทรัพย์สิน 74,400 ล้านบาท
7. วิชัย มาลีนนท์ (ผู้จัดการช่อง 3 และ BEC Tero) ทรัพย์สิน 55,800 ล้านบาท
8. Aloke Lohia (CEO กลุ่มบริษัทอินโดรามา เวนเจอร์ส) ทรัพย์สิน 49,600 ล้านบาท
9. ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ (บางกอกแอร์เวย์) ทรัพย์สิน 37,200 ล้านบาท
10. วาณิช ไชยวรรณ (ไทยประกันชีวิต) ทรัพย์สิน 35,960 ล้านบาท
11. ทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ (บ้านพฤกษา) ทรัพย์สิน 34,100 ล้านบาท
12. อิสระ ว่องกุศลกิจ และครอบครัว (น้ำตาลมิตรผล) ทรัพย์สิน 31,000 ล้านบาท
13. บุญชัย เบญจรงค์กุล (ดีแทค) ทรัพย์สิน 30,690 ล้านบาท
14. ประณีตศิลป์ วัชรพล และครอบครัว (หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ) ทรัพย์สิน 29,450 ล้านบาท
15. สุรางค์ เปรมปรีด์ (ผู้บริหารช่อง 7) ทรัพย์สิน 28,830 ล้านบาท
16. ประยุทธ มหากิจศิริ (PM Group, ไทยน็อกซ์สแตนเลส, ไทยคอปเปอร์, ผู้ถือหุ้นเนสกาแฟ) ทรัพย์สิน 28,365 ล้านบาท
17. พรเทพ พรประภา (สยามกลการ) ทรัพย์สิน 27,900 ล้านบาท
18. อนันต์ อัศวโภคิน (แลนด์แอนด์เฮ้าส์) ทรัพย์สิน 26,040 ล้านบาท
19. คีรี กาญจนพาสน์ (BTS) ทรัพย์สิน 25,110 ล้านบาท
20. วิชัย ทองแตง (กรุงเทพดุสิตเวชการ) ทรัพย์สิน 20,770 ล้านบาท
ส่วนอันดับที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ .. อันดับที่ 23 นายทักษิณ ชินวัตร ทรัพย์สิน 18,600 ล้านบาท
อันดับที่ 30 วิชา พูลวรลักษณ์ (เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์) ทรัพย์สิน 9,455 ล้านบาท
อันดับที่ 33 เฉลิม อยู่วิทยา (กระทิงแดง) ทรัพย์สิน 7,750 ล้านบาท
อันดับที่ 34 นิติ โอสถานุเคราะห์ (โอสถสภา) ทรัพย์สิน 8,680 ล้านบาท
อันดับที่ 37 วิชัย รักศรีอักษร (คิง เพาเวอร์) ทรัพย์สิน 7,440 ล้านบาท
20 อันดับผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในไทย 2012
ส่วนอันดับสุดท้ายที่ติดโผ คือ ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม หรืออากู๋ แห่งจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ด้วยจำนวนทรัพย์สิน 6,200 ล้านบาท
เครดิต .. Kapook.com .. http://hilight.kapook.com/view/75890

โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 10 อันดับ

โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 10 อันดับ

วันนี้ที่สุดในโลกขอ พาทุกคนไปดูสิ่งที่เป็นที่สุดในบ้านเรากัน ซึ่งเรื่องนี้ว่ากันด้วยวิว แล้ววิวอะไรละ? ก็วิวในโรงแรมไง แล้วยังไงต่อ? ก็วันนี้จะพาไปดูโรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 10 อันดับ บ้านเรามีที่สวยๆเยอะแยะ แรงโรมที่พักก็มากมาย เที่ยวเมืองไทยกันหมดทุกที่หรือยัง เริ่มไปนอกเรื่องอีกะ เอาละมาดูกันเลยดีกว่าว่าวันนี้จะมีโรงแรมไหนที่มีวิวสวยติดอันดับกันบ้าง แล้วคุณเคยไปพักและชมวิวในโรงแรมเหล่านี้มาบ้างหรือยัง  ถ้ายังละก็อย่าลืมหาโอกาสไปสัมผัสกันให้ได้เลยเดี๋ยวจะพลาดชมวิวสวยๆ ที่หาไม่ได้ที่ไหนนอกจากในเมืองไทยของเรานี่แหละ
10. โรงแรมเพนนินซูล่า
10 อันดับ โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ
โรงแรมเพนนินซูล่า ขึ้นชื่อว่าเป็น “สวรรค์บนน้ำ” ด้วยบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาและโอบล้อมด้วยต้นไทรใหญ่ พร้อมสัมผัสวิวสวยจาก ร้านอาหารทิพย์ธารา เรือนไทยไม้สักกลางแจ้ง ซึ่งให้บริการอาหารไทยที่มีรสชาติแบบไทยแท้
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 9. โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ

วิวสวยของ โรงแรมมิลเลนเนียม ฮิลตัน กรุงเทพ คือ มุมมองจาก Three Sixty Lounge ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 32 ของโรงแรม ด้วยบรรยากาศโปร่งสบาย ผนังกระจกรอบด้านที่เผยทิวทัศน์กว้างสุดสายตา
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 8. โรงแรมโอเรียลเต็ล

วิวฉ่ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา ของ โรงแรมโอเรียลเต็ล อยู่บริเวณ ห้องอาหาร The Verandah ซึ่งให้บริการอาหารทั้งแบบตะวันตกและตะวันออก แวดล้อมด้วยบรรยากาศแบบไทยๆ ภายใต้การบริการระดับห้าดาว
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 7. โรงแรมใบหยกสกาย

วิวสวยของ โรงแรมใบหยกสกาย สัมผัสได้จาก 3 จุดชมวิว ได้แก่ Bangkok Sky Restaurant บนชั้น 76 และ 78 ร้านอาหาร Crystal Grill ชั้น 82 และ ร้าน Roof Top Bar & Music บนชั้น 83 ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น สถานบันเทิงที่สูงที่สุดในประเทศไทย
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 6. โรงแรม เวสติน แกรนด์ สุขุมวิท

จุดชมวิวของ โรงแรม เวสติน แกรนด์ สุขุมวิท อยู่ที่ Horizon Sky Lounge and Karaoke ให้บริการด้วยเครื่องดื่มที่หลากหลาย เคล้าเสียงเพลงอันไพเราะ พร้อมดื่มด่ำทิวทัศน์ยามราตรีของกรุงเทพฯ
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 5. โรงแรมแลนด์มาร์ค
โรงแรมแลนด์มาร์ค โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ
ทิวทัศน์อันตื่นตาของ โรงแรมแลนด์มาร์ค อยู่ที่ชั้น 31 ซึ่งเป็นที่ตั้งของ RR & B Bar สเต็กเฮ้าส์และบาร์ ที่เผยมุมมองตึกระฟ้า สังคมเมืองระยิบระยับยามค่ำคืน
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 4. โรงแรมดุสิตธานี

จุดชมวิวกรุงเทพฯที่สวยที่สุดของ โรงแรมดุสิตธานี คือ D’Sens ภัตตาคารอาหารฝรั่งเศส ซึ่งอยู่บริเวณชั้นบนสุด เผยวิวสวนลุมพินีสุดร่มรื่น ด้วยผนังกระจกบานใหญ่รอบด้าน
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 3. โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์

ทิวทัศน์ชวนมองของ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ อยู่ที่ ร้าน Fifty Five ชั้น 54 – 55 และ ร้าน Red Sky บนชั้น 55 แม้จะอยู่ใจกลางความพลุกพล่านแต่บรรยากาศก็ชิลล์แบบเอาอยู่
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 2. โรงแรมบันยัน ทรี

Vertigo Grill & Moon Bar ร้านอาหารบนชั้น 61 คือ จุดชมวิวที่สวยที่สุดของ โรงแรมบันยันทรี เผยทิวทัศน์สุดงดงามของกรุงเทพฯ ในแบบพาโนรามา โดยเฉพาะในยามพระอาทิตย์ตกดิน ถิ่นบางกอกสวยไม่แพ้ใคร
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ 1. โรงแรมเลอ บัว แอท สเตท ทาวเวอร์
โรงแรมที่วิวสวยที่สุดของกรุงเทพฯ
ทัศนียภาพอันงดงามของ โรงแรมเลอ บัว แอท สเตท ทาวเวอร์ คือ ภัตตาคาร Sirocco ซึ่งตั้งอยู่บนชั้น 63 ของเดอะโดม ถือเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ Sirocco ยังได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘Hot Tables’ & ‘Hot Night’ จาก Conde Nast Traveler ในปี ค.ศ. 2005 และได้รับการขนานนามว่าเป็น ภัตตาคารแบบ open ที่สูงที่สุดในโลก
ข้อมูล : toptenthailand.com

จัดอันดับตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2012(Ranked the highest in India in 2012.)

จัดอันดับตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทย 2012

วันนี้ที่สุดในโลกมี เรื่องที่สุดในประเทศไทยมาฝากเพื่อนๆกันอีกแล้ว คราวนี้มาว่ากันด้วยความสูงของตึก โดยไม่นานมานี้ได้มีการจัดอันดับความสูงของตึกในประเทศไทยโดยมีด้วยกันทั้ง หมด 12 อันดับ ซึ่งแต่ละตึกแต่ละที่นั้นนอกจากจะมีความสูงแล้วยังมีความโดดเด่นในด้านการ ออกแบบดีไซด์และรูปลักษณ์ที่ดูแปลกตาทันสมัย เพื่อนๆคงอยากรู้กันแล้วว่าตึกทั้ง 12 อันดับที่ว่ากันว่าเป็ฯตึกที่สูงที่สุดในประเทศไทยนั้นมีตึกไหนบ้าง อย่ามัวรอช้าไปชมกันเลยชัดว่ามีที่ไหนบ้างแล้วเราเคยไปที่นั่นมาหรือเปล่าดู กันเลย อับดับ 1 ตึกใบหยก 2 (Baiyoke Tower II)  เข้าวินมาเป็ฯอันดับหนึ่งด้วยความสูง  304 เมตร
อันดับ 2  เดอะริเวอร์ ทาวเวอร์ เอ (The River Tower A) ตามมาติดๆด้วยความสูง  266 เมตร
อันดับ 3  สเตท ทาวเวอร์ (State Tower) ด้วยความสูง 247 เมตร

อันดับ 4 เซ็นทารา แกรนด์ (Centara Grand) ด้วยความสูง 235 เมตร

อันดับ 5 เดอะ เมท (The Met) ด้วยความสูง 228 เมตร

อันดับ 6 เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ 1 (Empire Tower I) ด้วยความสูง 227 เมตร
อันดับ 7 นอร์ท พอยท์ ทาวเวอร์ เอ พัทยา (North Point Tower A Pattaya) ด้วยความสูง 226 เมตร

อันดับ 8 จิเวลรี่ เทรด เซ็นเตอร์ (Jewelry Trade Center) ด้วยความสูง 221 เมตร
อันดับ 9 เดอะ พาโน (The Pano) ด้วยความสูง 219 เมตร
อันดับ 10 อมานต้า ลุมพินี (Amanta Lumpini) ด้วยความสูง 212 เมตร

อันดับ 11 ไชน่า รีซอร์สเซส ทาวเวอร์ (China Resources Tower) ด้วยความสูง 210 เมตร
อันดับ 12 สำนักงานใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย (Thai Farmer Bank Headquarters)ด้วยความสูง 208 เมตร

เป็นยังไงกันบ้างกับตึกในประเทศไทย แต่ละที่สวยๆ ทั้งนั้นเลย และยังมีความสูงที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียวเชียว แต่จะให้ดีน่าจะมีต้นไม้เยอะๆ มีตึกน้อย อากาศจะได้สดชื่นขอธรรมชาติดีกว่าเนาะ
ขอบคุณที่มาและรูปภาพจาก http://board.postjung.com/624763.html

100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012 (100 best schools in the country in 2012.)

100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012

จัดอันดับต่างประเทศไปมาแล้วคราวนี้มาร่วมกันจัดอันดับความเป็นที่สุดของประเทศไทยกันบ้าง ที่สุดในโลกขอนำเสนอ 100 อันดับโรงเรียนที่ดีที่สุดในประเทศไทย 2012 ซึ่งลำดับโรงเรียนในประเทศไทยที่ดีที่สุดโดยวัดจากผลเอนทรานซ์ โควตารับตรงโอลิมปิกวิชาการ
มาดูกันว่ามีโรงเรียนไหนที่ติดอันดับบ้าง
1. โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา
2. โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย
3. โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์
4. โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)
5. โรงเรียนสามเสนวิทยาลัย
6. โรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง
7. โรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา
8. โรงเรียนสาธิต มศว. ปทุมวัน
9. โรงเรียนอัสสัมชัญ
10. โรงเรียนมงฟอร์ตวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
11.โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
12.โรงเรียนอุดรพิทยานุกูล จ.อุดรธานี
13.โรงเรียนสตรีวิทยา
14.โรงเรียนเทพศิรินทร์
15.โรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช จ.อุบลราชธานี
16.โรงเรียนสาธิต ม.เชียงใหม่
17.โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่
18.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.นครศรีธรรมราช
19.โรงเรียนสามัคคีวิทยาคม จ.เชียงราย
20.โรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
21.โรงเรียนยุพราชวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
22.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ
23.โรงเรียนนครสวรรค์
24.โรงเรียนหอวัง
25.โรงเรียนวัดสุทธิวราราม
26.โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
27.โรงเรียนสุราษฎร์ธานี
28.โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน จ.ขอนแก่น
29.โรงเรียนสตรีวิทยา2
30.โรงเรียนพิริยาลัย จ.แพร่
31.โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย
32.โรงเรียนสาธิต ม.ขอนแก่น
33.โรงเรียนพรหมานุสรณ์ จ.เพชรบุรี
34.โรงเรียนภูเก็ตวิทยาลัย
35.โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.ตรัง
36.โรงเรียนสาธิต ม.สงขลานครินทร์ จ.ปัตตานี
37.โรงเรียนราชวินิตบางแก้ว
38.โรงเรียนโยธินบูรณะ
39.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี
40.โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย
41.โรงเรียนจักรคำคณาทร จ.ลำพูน
42.โรงเรียนนารีรัตน์ จ.แพร่
43.โรงเรียนสุราษฎร์พิทยา
44.โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย จ.นนทบุรี
45.โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย
46.โรงเรียนสุรนารีวิทยา จ.นครราชสีมา
47.โรงเรียนคณะราษฎรบำรุง จ.ยะลา
48.โรงเรียนศึกษานารี
49.โรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี จ.พิษณุโลก
50.โรงเรียนสาธิต มศว.ประสานมิตร
51.โรงเรียนสตรีศรีน่าน จ.น่าน
52.โรงเรียนร้อยเอ็ดวิทยาลัย
53.โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย จ.ลพบุรี
54.โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนด์
55.โรงเรียนมหาวชิราวุธ จ.สงขลา
56.โรงเรียนบุรีรัมย์พิทยาคม
57.โรงเรียนอัสสัมชัญสมุทรปราการ
58.โรงเรียนสิรินธร จ.สุรินทร์
59.โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.สตูล
60.โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์
61.โรงเรียนสกลราชวิทยานุกูล
62.โรงเรียนบดินทรเดชา(สิงห์ สิงหเสนีย์)2
63.โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
64.โรงเรียนชลราษฎรอำรุง
65.โรงเรียนดาราวิทยาลัย จ.เชียงใหม่
66.โรงเรียนพัทลุง
67.โรงเรียนพิษณุโลกวิทยาคม
68.โรงเรียนลำปางกัลยาณี
69.โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย
70.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ บดินทรเดชา
71.โรงเรียนสุรวิทยาคาร จ.สุรินทร์
72.โรงเรียนเซนต์โยเชฟคอนแวนด์
73.โรงเรียนบูรณะรำลึก จ.ตรัง
74.โรงเรียนสระบุรีวิทยาคม
75.โรงเรียนสารคามวิทยาคม จ.มหาสารคาม
76.โรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี
77.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า
78.โรงเรียนระยองวิทยาคม
79.โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.จันทรบุรี
80.โรงเรียนกำแพงเพชรพิทยาคม
81.โรงเรียนทวีธาภิเศก
82.โรงเรียนชลกันยานุกูล
83.โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฎนครปฐม
84.โรงเรียนมารีย์วิทยา จ.นครราชสีมา
85.โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
86.โรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย จ.มุกดาหาร
87.โรงเรียนสตรีวัดมหาพฤฒาราม
88.โรงเรียนสายน้ำผึ้ง
89.โรงเรียนเบญจมราชาลัย
90.โรงเรียนกัลยาณีศรีธรรมราช จ.นครศรีธรรมราช
91.โรงเรียนสาธิต ม.ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา
92.โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จ.เพชรบุรี
93.โรงเรียนศรียาภัย จ.ชุมพร
94.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ หอวัง นนทบุรี
95.โรงเรียนสตรีราชินูทิศ จ.อุดรธานี
96.โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
97.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาภาคใต้ จ.นครศรีธรรมราช
98.โรงเรียนสาธิต(พิบูลย์บำเพ็ญ) ม.บูรพา
99.โรงเรียนวิสุทธังษี จ.กาญจนบุรี
100.โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า

มีโรงเรียนเก่าของคุณติดอันดับมาบ้างหรือเปล่า
ขอบคุณที่มาจาก matichon.co.th 

"พริก"สร้างธุรกิจ พริกขี้หนู คลายปวด"Pepper" build a business.

"พริก"สร้างธุรกิจ พริกขี้หนู คลายปวด
พริก กับสารแคปไซซิน ช่วยลดอาการปวด
"พริก"สร้างธุรกิจ
คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริก แต่หลายคนยังไม่รู้ว่าสาร“แคปไซซิน” ในพริกมีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด
คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริก ที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารให้จัดจ้าน นอกจากนี้พริกยังมีส่วนประกอบของสาร“แคปไซซิน”มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด พริก จึงกลายเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์บรรเทาอาการเจ็บปวดกล้ามเนื้อ
แทนที่จะนำเข้าวัตถุดิบ หรือยาแก้ปวดสำเร็จรูปจากต่างประเทศในราคาที่สูงกว่า กลุ่มเภสัชกรไทยในนามของ บางกอก ดรัก เล็งเห็นโอกาสทางธุรกิจจากการพัฒนาสมุนไพรไทยมาผลิตเป็นยาที่มีคุณภาพ มาตราฐานระดับสากล
พริกขี้หนู คลายปวด
"ปัจจุบันธุรกิจยามีความตื่นตัวเรื่องการ ใช้ สมุนไพรมาเป็นส่วนประกอบ" คำยืนยันจากภก. สุวิทย์ งามภูพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอก ดรัก จำกัด กล่าวในฐานะที่เขาเป็นคนหนึ่งทีมผู้บุกเบิกธุรกิจ ที่มองเห็นศักยภาพของ สมุนไพรในการต่อยอดธุรกิจ ร่วมกับ ภก.สมชัย พิสพหุธาร และภก.ศุภชัย สายบัว เพื่อนร่วมสถาบันมหาวิทยาลัยมหิดล
10 กว่าปีที่ผ่านมา เขาและทีมงานเดินหน้าสร้างความต่างให้กับสมุนไพรไทยให้เป็นกลายพระเอกในวง การยา หลังจากมองเห็นช่องทางการแข่งขัน เพราะหากสามารถผลิตแก้ปวดจากพริก ที่มีคุณสมบัติเหมือนยาแก้ปวดที่ต้องนำเข้าได้ น่าจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับ ผู้บริโภคที่ต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ในราคาที่ยอมรับได้ง่ายกว่ายานำเข้าจากต่างประเทศ ที่สำคัญยังสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร และลดภาระต้นทุนในการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ทำให้สามารถแข่งขันกับผลิตภัณฑ์ในเชิงพาณิชย์ได้
ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่มาของ ความร่วมมือกับสถาบันวิจัยภาครัฐ ในการต่อยอดงานวิจัยและพัฒนาสมุนพรไทย เริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ แคปซิกาที่มีส่วนประกอบของสาร“แคปไซซิน” (Capsaicin) ที่ สกัดได้จากพริกพันธุ์ ยอดสนเข็ม 80 ซึ่งวิจัยพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยขอนแก่น และเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ บริษัทบางกอกแลป แอนด์ คอสเมติก จำกัด
สรรพคุณของสารสกัดจากพริก มีการออกฤทธิ์ ที่แตกต่างจากยาทาแก้ปวดที่มีอยู่ในท้องตลาด โดยการออกฤทธิ์กระตุ้นตัวรับความรู้สึกปวดที่ปลายประสาทใต้ชั้นผิวหนัง ทำให้สามารถยับยั้งการส่งความรู้สึกปวดต่างๆ ที่ส่งไปยังสมอง จึงสามารถลดอาการปวดต่างๆได้อย่างครอบคลุม ทั้งอาการปวดกล้ามเนื้อ ข้ออักเสบและปลายประสาท
“ความจริงมีสมุนไพร หลายชนิด รวมทั้งพริกหลายพันธุ์ที่มีคุณสมบัติแก้ปวดได้ แต่ที่เราเลือกใช้พันธุ์นี้สกัดมาผลิตยาทาแก้ปวด เนื่องจากปลูกง่าย ปริมาณพริกมากกว่าพันธุ์อื่นๆ ไม่ได้เลือกพันธุ์ที่เผ็ดมาก เพราะปริมาณผลผลิตน้อย หายากไม่คุ้มค่าในการลงทุน ”
ภก. สุวิทย์ มองว่า ถ้าทำเหมือนคนอื่นโอกาสทางการตลาดจะน้อย แต่ถ้ามีวัตถุดิบที่แตกต่าง แถมยังตรงกับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้โดดเด่น แตกต่างกว่าคู่แข่งไม่ใช่เรื่องยากแม้แต่บริษัทยาข้ามชาติที่มีสายป่านยาว
“แคปซิกาเป็นยามาตรฐานเพียงตัวเดียวที่ไม่ ต้องซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ เพราะปกติแล้ว ยาที่ผลิตภายในประเทศทุกตัว ต้องสั่งซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศ 100 % เพราะเมืองไทยเรายังไม่สามารถผลิตวัตถุดิบยาแม้แต่ตัวเดียว”
สกัดจุดอ่อนสมุนไพร
ตลอดเวลาที่อยู่บนเส้นทางธุรกิจผู้ผลิตและ จำหน่ายยาที่ผ่านมา บางกอกดรัก ได้มีการพัฒนาและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ออกมาอย่างต่อเนื่องครอบคลุมเกือบทุก หมวด โดยมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล จึงสร้างโรงงานผลิตที่ได้มาตรฐานการรับรองแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ GMP , ISO 9001:2008 , ISO14001:2004 , BSI-OHSAS 18001:1999และ TIS 18001:25242
ภก. สุวิทย์ บอกว่า เราต้องพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในเรื่องของคุณภาพ เพื่อแสดงให้เห็นได้ว่าบริษัทบางกอกแลป แอนด์ คอสเมติก จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาให้กับทางบางกอกดรัก เป็นโรงงานยาที่ได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากลเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ คู่ค้า และผู้บริโภคที่ใช้ผลิตภัณฑ์
"การผลิตผลิคภัณฑ์สมุนไพรในอดีตส่วนใหญ่ จะใช้กระบวนการผลิตไม่ได้มีมาตรฐานรับรอง ทำให้ผู้ใช้เกิดความไม่มั่นใจคุณภาพ เพราะเกรงว่ามีโอกาสปนเปื้อนในกระบวนการผลิตได้ "
อีกส่วนหนึ่งสำหรับการทำให้เกิดการยอม รับคือการทดลองใช้ โดยการนำแคปซิกาไปทดลองในโรงพยาบาลหลายแห่ง กับผู้ป่วยที่มีความเจ็บป่วยในหลายกรณี ผลการทดลองเชิงประจักษ์ที่ทำขึ้นเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นคุณภาพของสินค้า ทำให้ผู้ใช้งานเกิดความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์
นอกจากยาทาแก้ปวดที่สกัดจากพริกธรรมชาติ แล้ว ภก. สุวิทย์ และทีมงานได้พัฒนานวัตกรรมยาสมุนไพรออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ การนำน้ำมันจากไพล มาผลิตเป็นครีมนวดแก้เคล็ดขัดยอก น้ำมันระกำสำหรับกลุ่มนักกีฬาโดยเฉพาะ สารสกัดทำจากใบบัวบกสำหรับรักษาแผลที่ปาก กระชายดำที่มีสรรพคุณช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ มาร์คหน้าที่ทำมาจากข้าว รวมถึงการต่อยอดสารสกัดจากพริกในรูปแบบอื่นๆ เช่น ลดไขมัน เป็นต้น
จากแนวโน้มความนิยมผลิตภัณฑ์ยาที่ทำมาจาก ธรรมชาติเพิ่มขึ้น เนื่องจาก ไม่มีผลข้างเคียงต่อร่างกายมนุษย์ ตลอดจนมีสรรพคุณเทียบเท่ากับผลิตภัณฑ์ยาที่สกัดมาจากสารเคมี ทำให้ “สมุนไพร “ในเชิงธุรกิจ จึงเป็น “ขุมทรัพย์”ที่น่าจับตามมอง
Tags : พริก • สารแคปไซซิน • บางกอก ดรัก • แก้ปวด
ที่มา: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์


 "Pepper" build a business.
People familiar with Thailand's spicy chili. But many people do not know that the substance "Capsaicin" in chili has the effect of reducing pain.People familiar with Thailand's spicy chili. Which enhances the spicy flavors. The peppers also contain substances "Capsaicin and" has the effect of reducing the pain became so chili ingredients in products to relieve muscle pain.
Instead of importing raw materials. Or analgesic products from abroad at higher prices. Bangkok Thailand on behalf of the group of pharmacists with opportunities to develop the business of herbs Thailand to produce quality medicines. International standards.
Paprika relieve pain.
"The current business has paved the use of herbal medicine as a component of" confirmed by a pharmacist. Suwit beauty Phu Phan Drucker, chief executive officer, said in Bangkok as he was one of the pioneer business. To see the potential of Herbs to further business with pharmacist Somchai Peace and Security on multiple streams. Supachai STEM Institute Fellow University.
10 years ago. He and his team continue to make a difference to Thailand to become a hero in the herbal medicine after see the competition. If you can produce pain from pepper. To qualify as an analgesic to import. Seems to be a new alternative to. Consumers want quality products. Acceptable prices than imported drugs from abroad. The key can also generate income for the farmers. And reduce the cost of importing raw materials from abroad. To compete with commercial products.
This is why it is a source of Collaboration with the Institute of Government. For further research and development in Thailand Hartley Act. Starting from the product. Jessica caps containing the substance "of Capsaicin" (Capsaicin) extracted from pine needles 80 pepper varieties, most of which were developed by the University. And a specific license. Bangkok Lab and Cosmetic Limited.
Efficacy of an extract of pepper. The action. Unlike topical analgesic that is available in the market. Stimulatory action by feeling pain receptor nerve endings under the skin. Able to inhibit the transmission of pain information. Sent to the brain. It can reduce pain and full coverage. And muscle pain. Arthritis and nerve endings.
"In fact, there are many kinds of herbs, including several varieties of peppers that have analgesic properties. But we chose this gene produce extract topical analgesic. As easily grown. Amount of pepper over other varieties. Choose varieties that are not too spicy. The low yield. Rare, not worth the investment. "Pharmacist Suwit that if you like the opportunity to be less. However, if the materials are different. It also meets the demand of the consumer the opportunity to develop an outstanding product. Unlike competitors, not difficult, even multinational pharmaceutical company with a long string.
"Caps Jessica is not the only standard treatment. To buy raw materials from abroad. Because normally. All the drugs produced in the country. To purchase from overseas in Thailand 100% because we can not produce even a single drug material. "
Herbal extracts weaknesses.
Constantly on the manufacture and Bangkok pharmaceutical ago and I have developed and are continually innovating products cover almost all categories, with the aim to develop herbal Thailand to be recognized internationally. Thus creating a plant that has virtually everything from the certification standards GMP, ISO 9001:2008, ISO14001: 2004, BSI-OHSAS 18001:1999 and TIS 18001:25242.
Pharmacist Suwit said that we need to continuously improve, especially in terms of quality. To demonstrate that Bangkok Lab and Cosmetics Ltd., a pharmaceutical manufacturer for the love of Bangkok. Drugs are factory certified standards to build confidence to partners and consumers who use the product.
"The production of herbal products in the past, most of the spring. Is not a standard certification process. Users with uncertainty. Fearing that the chances of contamination in the manufacturing process. "
Another cause for refusing. Get the trial. By Jessica the caps to test in many hospitals. Patients with the illness in many cases. Empirical results made is a testament to the quality of the product. The user confidence in the product.
Besides topical analgesic that is extracted from natural chilli pharmacist Suwit and his team have developed innovative drug was continued as the oil of Pylos. To produce a cream that sprains. Ngmamanraum especially for athletes. Extract from Centella asiatica for the treatment of mouth ulcers. Parviflora that helps enhance sexual performance. Previous mark made from rice. Includes a capped pepper extracts in other forms, such as fat and so on.
Popular trend of pharmaceutical products made from Natural increase since no side effects on the human body. It has properties equivalent drug substance extracted from the "herb" in business as a "treasure" to capture the look.
Tags: chili • substance Capsaicin and Drucker • Bangkok • pain.
Source: Bangkok Post online.

กลุ่มขวาจัดฝรั่งเศส โจมตีรูปปั้นเหมา เจ๋อตง



ประชาชนกำลังดูรูปปั้นของประธานเหมา เจ๋อตง ผลงานของศิลปิน Francois Cacheux
ณ เมือง มงเปอลิเย ตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส


เอเจนซี—ในที่สุด รูปปั้น ประธานเหมา เจ๋อตง ผู้นำการปฏิวัติจีนใหม่ ก็รอดพ้นมรสุมจู่โจมจากกลุ่มนักการเมืองขวาจัดแห่งแดนน้ำหอม และได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้ว ณ นครมงเปอลิเย (Montpellier) เมืองยักษ์ใหญ่อันดับ 6 ตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศส

ในวันอังคาร(24 ก.ค.) เทศบาลนครมงเปอลิเยได้ฤกษ์เปิดรูปปั้นกลุ่มนักการเมืองและรัฐบุรุษที่ยิ่ง ใหญ่แห่งโลกศตวรรษที่ 20 ได้แก่ ผู้นำการปฏิวัติพรรคคอมมิวนิสต์จีน เหมา เจ๋อตง, ผู้นำปลดปล่อยอินเดียจากจ้าวอาณานิคมอังกฤษ มหาตะมะ คานธี, อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงแห่งอิสราเอลโกลดา แมร์, อดีตประธานาธิบดีแห่งอียิปต์ กามัล อับเดล นัสเซอร์ และผู้นำผู้ปลดปล่อยแอฟริกาใต้จากอำนาจปกครองอังกฤษ เนลสัน แมนดาลา รูปปั้นเหล่านี้ ตั้งอยู่ ณ จัตุรัสแห่งศตวรรษที่ 20 นครมงเปอลิเย

ผู้ริเริ่มโครงการสร้างรูปปั้นกลุ่มผู้นำนักการเมืองยิ่งใหญ่ของโลกเหล่านี้ คือ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองมงเปอลิเย นาย Georges Freche ผู้เสียชีวิตไปเมื่อปีที่แล้ว สำหรับนาย Freche เป็นนักการเมืองค่ายพรรคสังคมนิยม แม้ถูกขับออกจากพรรค เนื่องจากคำกล่าวที่ว่า “ทีมฟุตบอลฝรั่งเศสมีคนผิวดำมากเกินไป” แต่เขาก็ยังได้รับการสนับสนุนจากประชาชนในท้องถิ่นอย่างเหนียวแน่น

โครงการสร้างรูปปั้นกลุ่มผู้นำนักการเมืองยิ่งใหญ่นี้ ประกอบด้วยรูปปั้นของกลุ่มผู้นำและรัฐบุรุษโลก 10 ท่าน รูปปั้นแต่ละหลังสูง 3 เมตร รูปปั้นชุดแรกได้เปิดตัวไปก่อนหน้าเมื่อปี 2553 คือ วลาดิมีร์ เลนิน, วินส์ตัน เชอร์ชิลล์, ชาร์ลส เดอ แกล, แฟรงคลิน รูสเวลท์ และJean L?on Jaur?s นับเป็นรูปปั้นกลุ่มผู้นำโลกแห่งเดียวในยุโรป

การสร้างรูปปั้นนักการเมืองที่ยิ่งใหญ่นี้ ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหลายฝ่าย หลังการเปิดรูปปั้นชุดแรก พรรคกรีนขู่ว่าทำลายรูปปั้น เทศบาลเมืองจึงต้องระดมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณจัตุรัส

รูปปั้นผู้นำการเมืองที่ถูกโจมตีมากสุดได้แก่ เลนิน และเหมา นาย Freche ได้ปกป้องความริเริ่มสร้างรูปปั้นผู้นำรัฐบุรุษโลกของตนก่อนเสียชีวิต โดยยืนยันการเชิดชู เลนิน และเหมา ว่ามรดกทางการเมืองของผู้นำทั้งสอง ทรงคุณค่าอย่างมิมีสิ่งใดลบล้าง แม้ระหว่างระบอบการปกครองของทั้งสอง เกิดสงครามนองเลือดขึ้นก็ตาม

ในสัปดาห์นี้ นาย Pierre Moureแห่งพรรคสังคมนิยม นายกเทศมนตรีมงเปอลิเยปัจจุบัน ก็กล่าวว่า “รูปปั้นของท่านผู้นำเหล่านี้เป็นสัญลักษณ์ของหลักทฤษฎีการเมืองที่สำคัญของ โลกระหว่างศตวรรษที่ 20 เป็นคุณูปการทางประวัติศาสตร์ มิใช่การเชิดชูเกียรติภูมิให้แก่เผด็จการ”

แต่นาย Arnaud Julien สมาชิกสภาที่ปรึกษาเทศบาลนคร จากพรรคการเมืองปีกขวา UMP กล่าวอย่างรุนแรงว่า “ถ้าคุณเดินตามตรรกะนี้ ลัทธิฟาสซิสต์ ก็เป็นหลักทฤษฎีใหญ่แห่งศตวรรษที่ผ่านมาเช่นกัน เช่นนี้แล้ว มูสโสลินี และฮิตเลอร์ ก็ควรมีอนุสาวรีย์ของเขาด้วยเช่นกัน มิใช่หรือ?”

นาย Moure โต้แย้ง โดยชี้ถึงความแตกต่างว่า “หลักทฤษฎีที่แสดงในจัตุรัสล้วนเป็นหนทางสู่การปลดปล่อย แม้ (บางท่าน) จะมีด้านมืดก็ตาม ส่วนฟาสซิสต์ และนาซี นั้นเป็นด้านลบในแนวคิดอิสรภาพอย่างมาก

“มีประชาชนเสียชีวิตหลายล้านคนระหว่างการปกครองของเหมา แต่เหมาก็มีบทบาทในการสร้างจีนใหม่ ที่กำลังครองอำนาจใหญ่ในศตวรรษที่ 20”


ที่มา :  ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2555

ท่า “แยกขา” กำลังระบาดหนักในหมู่นศ.สาวชาวหอของจีน(I separate "legs" are rampant among the studies. Daughter the art of China.)


I separate "legs" are rampant among the studies. Daughter the art of China.
นักศึกษาสาวจีนกำลังฮิตโพสต์ท่าผาดโผน แยกขา 180 องศา หน้ากล้อง ก่อนโพสต์รูปลงในเว็บ สร้างความฮือฮาให้กับชาวเน็ตทั่วประเทศจีน โดยเฉพาะหนุ่มๆนักศึกษาชาวหอทั้งหลาย

เมื่อเร็วๆนี้ มีนักศึกษาสาวซึ่งพักอยู่ในหอพักคนหนึ่งถ่ายรูปตนเองใส่รองเท้าบัลเลย์ ทำท่าแยกขาอยู่ในห้อง แล้วโพสต์ลงบนเว็บไซต์เว็บหนึ่ง ซึ่งไม่เพียงทำให้เธอโด่งดังในหมู่นักศึกษาชายเพียงชั่วข้ามคืน

นักศักษาหญิงคนอื่นๆที่มีความสามารถคล้ายเธอก็ได้ทำการโพสต์ท่าแยกขาแบบ แปลกๆ ท้าประลองกับเธอมากมาย อาทิ แยกขาขณะกินข้าวกล่อง แยกขาขณะเล่นคอม แยกขาแขวนกลางอากาศ ฯลฯ ทำให้ขณะนี้ท่าแยกขากลายเป็นท่าฮิตติดลมบนของบรรดาสาวๆ (นักกายกรรม) ในการโพสต์รูปลงเว็บเสียแล้ว

ท่าแยกขา 180 องศา เป็นท่าที่มักพบเห็นในการเต้นรำหรือศิลปะป้องกันตัวอย่างอู่ซู่ เป็นท่าที่ใช้ฝึกเพื่อยืดกล้ามเนื้อให้ร่างกายมีความยืดหยุ่นมากขึ้น โดยสามารถประยุกต์สร้างสรรค์ได้ในหลายท่วงท่าและลีลา แต่สิ่งที่ต้องพึงระวัง โดยเฉพาะผู้เริ่มฝึก คือ ระหว่างการยืดกล้ามเนื้อต้องอดทนกับความเจ็บปวดและความกดดันของจิตใจ ซึ่งหากไม่มีความมุ่งมั่นและตั้งใจอย่างจริงจังแล้ว ยากนักที่จะฝึกสำเร็จได้

ชมภาพชุดสาวๆชาวหอกับท่วงท่าลีลาแยกขา 180 องศา
























ที่มา : ASTVผู้จัดการออนไลน์ 2 ตุลาคม 2555 09:10 น.

หน้าเว็บ

เรื่องราวย้อนหลัง

บทความ

ขับเคลื่อนโดย Blogger.

- Copyright © 2013 http://12345ohho.blogspot.com.Metrominimalist- Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -